Monthly Archives: June 2014

[Review] เที่ยวเองในมอสโกฤดูร้อน 3 วัน ตอนที่ 1

มอสโก (Moscow) เมืองหลวงของประเทศรัสเซีย (Russia) เป็นประเทศที่พอพูดถึงแล้วฟังดูหนาวใช่มั้ยคะ

เมื่อวันที่ 5-8 มิถุนายนที่ผ่านมา เราไปเที่ยวมอสโกมากับเพื่อนอีก 2 คน (รวมเป็น 3 คน หญิงล้วน)

อยากบอกว่า ร้อนนนนมากกกก อากาศประมาณ 30 องศาค่ะ

แต่เดี๋ยวก่อน.. ถ้าคุณจะบอกว่า เมืองไทย 39 องศานะยะ ถ้ามอสโก 30 องศา นี่ชิวละย่ะ

ขอบอกว่า คุณคิดผิดแล้วววว เพราะอยู่เมืองไทย คุณตากแดดไม่เกินครึ่งชั่วโมง คุณก็เข้าห้องแอร์แล้วล่ะค่าา แต่การมาเที่ยว คือ เดิน เดิน เดิน และเดิน ท่ามกลางแดดเหล่านั้น Orz คล้ำกันไปเลยทีเดียวกับทริป 3 วันนี้ค่ะ

ด้วยข้อจำกัดของเวลาที่มี และไฟลท์บิน ทำให้เราเลือกที่จะเดินทางเพียง 3 วัน ในเมืองเดียวค่ะ (จริงๆ แล้วอยากไป St. Petersburg ด้วย T_T คงต้องไว้โอกาสหน้า) อ้อ.. เราบินออกจากแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษค่ะ ใช้เวลาเดินทาง 4 ชั่วโมง(ค่าตั๋ว 140 ปอนด์เองด้วย อิอิ) ในขณะที่ถ้าบินจากกรุงเทพฯ จะใช้เวลา 9 ชั่วโมงครึ่งค่ะ

เราบิน easyjet ออกจากแมนเชสเตอร์เวลา 13:50 มาถึง Domodedovo International Airport (DME) เวลา 20:45 (เวลาท้องถิ่นที่นี่คือ UTC +04:00 ค่ะ คือช้ากว่าประเทศไทย 3 ชั่วโมง) ตัวมอสโกนี้มี 3 สนามบินค่ะ การบินไทยเองก็บินลง DME เหมือนกัน ตอนซื้อตั๋วก็เช็คละ อ้อ.. สนามบินเดียวกับการบินไทย งั้นสนามบินคงใช้ได้อยู่ล่ะ 555 (เพราะ easyjet เป็น low-cost ค่ะ ก็เลยต้องเช็คละเอียดนิดนึง)

การเดินทางออกจาก DME เพื่อเข้าตัวเมืองมอสโกมีหลายวิธี ส่วนตัวเราเองพิจารณา 2 วิธีนี้ไว้ค่ะ คือ

1. นั่ง shuttle bus ราคา 120RUB (25-35 นาที) ไปลงเมโทรสถานี Domodedovskaya แล้วนั่งเมโทรยาวๆ เข้าโรงแรม

2. นั่ง Aeroexpress ราคา 400RUB ใช้เวลา 40-60 นาที ไปลงเมโทรสถานี Paveletskaya แล้วนั่งเมโทรยาวๆ เข้าโรงแรม

ทั้งสองสถานีนี้อยู่สายสีเขียว และโรงแรมเราอยู่ตรงสถานี Belorusskaya ซึ่งเป็นสายสีเขียวเช่นกัน

จากภาพนี้คือสถานีหลักๆ ที่เราไปมานะคะ จริงๆ มีที่ให้ไปมากกว่านี้เย้ออออ และแนะนำให้ทุกคนปริ๊นท์แผนที่เมโทรไปทั้งแบบภาษาอังกฤษและภาษารัสเซียค่ะ เพราะในสถานีเมโทรนั้นมีแต่ภาษารัสเซีย!! อุตส่าห์จดชื่อสถานีเป็นภาษาอังกฤษนี่ไม่มีประโยชน์เลยนะคะ ต้องเทียบเอากับแผนที่ภาษารัสเซียถึงจะอ่านป้ายออกค่ะว่าไปสถานีไหนยังไง ส่วนตัวเราจะใช้ชื่อสถานีภาษาอังกฤษในบล็อกนี้นะคะ เพราะว่า.. พิมพ์ภาษารัสเซียไม่ได้

อ้อ อีกเรื่องคือ ขึ้นลงบันไดเลื่อนที่นี่ ยืนชิดขวา นะคะ 🙂

กลับมาต่อที่สนามบิน.. สุดท้ายด้วยความเอาง่ายเข้าว่า พวกเราก็เลือกนั่ง Aeroexpress ค่ะ จากสนามบินไม่มีอะไรยากเลย ผ่าน ต.ม. ปุ๊ป เดินผ่านสายพานรับกระเป๋าออกมา แล้วเดินตามป้าย คือเดินไปทางซ้ายตลอด ผ่านโซน departure แล้วก็จะถึงชานชาลา Aeroexpress เลย ส่วนตั๋วก็กดซื้อได้ที่ตู้มีเมนูภาษาอังกฤษค่ะ สบายๆ

Aeroexpress จะออกจากสนามบิน และ Paveletskaya ทุกๆ ครึ่งชั่วโมง คือที่นาที 00 และนาที 30 ค่ะ (หมายถึง 13:00, 13:30, 14:00, 14:30, …) แต่ละเที่ยวใช้เวลาไม่เท่ากัน (ไม่เข้าใจ) บนรถมีตารางรถไฟแอโรเอ๊กซ์เพรส หยิบได้ฟรีค่ะ เอาไว้ศึกษาได้ว่ารอบไหน ใช้เวลาเดินทางเท่าไหร่ ของเราเดินทางรอบ 21:30 ใช้เวลาประมาณ 40 นาทีนิดๆ เท่านั้น

หมายเหตุ: ถ้านั่งขบวนสุดท้าย (เข้าชานชาลามาแล้วเดินไปโบกี้ไกลสุด) เวลาไปถึงปลายทาง มันจะกลายเป็นหัวขบวนค่ะ คือเดินเข้าสถานีน้อยลง

เมโทร(รถไฟใต้ดิน) บัส(รถเมล์) และแทรม(รถราง) ของที่นี่จะใช้ระบบบัตรสมาร์ทการ์ดร่วมกันได้นะคะ (ไม่เหมือนบางประเทศที่คุ้นๆ ว่าประกาศว่าจะใช้ได้หลายปีละ จนป่านนี้ก็ยังต้องแยกบัตรเดินทางกันอยู่ คริคริ) การซื้อตั๋ว ให้ซื้อที่สถานีเมโทร จะมีตู้ให้กด เราลองกดแล้ว มันมีให้เลือกแค่ 1 รอบหรือ 2 รอบ =_= สุดท้ายเลยเดินไปซื้อกับห้องตั๋ว คำว่า ticket ที่นี่จะใช้คำว่า Kacca นะคะ เราซื้อแบบ 11 รอบ 320 รูเบิล (เราตีค่าเงินประมาณ 1 รูเบิล = 1 บาทไทยค่ะ เพราะเราแลกเงินมา 1 ปอนด์แลกได้ 54 รูเบิล ซึ่งพอๆ กับแลกเงินบาทเลย)

ตั๋วรถจะมีตั้งแต่ 1 รอบ ถึง 60 รอบ เลยทีเดียว ซึ่งยิ่งซื้อเยอะก็ยิ่งถูก รายละเอียดตามเว็บมอสโกเมโทรเลยค่ะ

จริงๆ แล้วบัตรมันมีหลายแบบมาก มีบัตรเดือน บัตรนักเรียนรัสเซีย บัตรแบบแอคทิเวต 90 นาทีอะไรด้วยก็ไม่รู้ แต่อันนี้คือเข้าใจง่ายดีค่ะ เสียเป็นรอบที่สแกนเข้าสถานี ตอนสแกนบัตรมันจะขึ้นโชว์ว่าเหลือกี่รอบค่ะ เราชอบแบบนี้นะเราว่ามันแฟร์ดี ไม่เหมือนเวลาไปประเทศในยุโรปส่วนใหญ่จะให้เลือกบัตรแบบ 24 ชั่วโมง หรือ 72 ชั่วโมง อะไรแบบเนี้ยอะค่ะ แบบนั้นไม่ค่อยคุ้มเอาเสียเลยสำหรับเรา

พอเราไปถึงสถานี Paveletskaya ก็เดินตามป้ายเมโทรไปเรื่อยๆ ก่อนถึงตัวสถานีเราเห็นมีบู๊ทของค่ายโทรศัพท์อยู่เราเลยเข้าไปซื้อซิมเล่นเน็ตไม่จำกัด ราคา 600 รูเบิล ของ MTC มาค่ะ Tethering ได้ ใช้กันสบายๆ 3 คน (เพราะโรงแรมมี Wifi เฉพาะ public area ถ้าจะใช้ในห้องต้องเสียเงิน) คนขายพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ ก็ภาษามือ ภาษาเขียนกันไป ตลกมาก กว่าจะเข้าใจกันได้ว่าอันลิมิตในมอสโก ส่วนนอกมอสโกใช้ได้ 6 GB ^^ พอไปถึงสถานีเรากำลังจะกดตั๋วซื้อบัตรจากตู้ แล้วมันมีให้เลือกแค่ 1 กับ 2 รอบตามที่เล่าให้ฟัง เราก็เลยกำลังงงๆ ว่าจะทำยังไงดี ยังไม่ทันมองหา Ticket office เลย ก็มีป้าเดินเข้ามา ว่าต้องการตั๋วสำหรับ 3 คนใช่มั้ย นี่ตั๋ว 1 รอบ 40 รูเบิล ฉันขายเธอ 3 คน 100 รูเบิล เราก็บอกว่า ขอดูตั๋วซิ แล้วป้าก็หยิบขึ้นมาให้ดู แล้วเรายังไม่ทันพูดอะไร คือจะบอกว่าไม่เอา นางก็บอกว่า เนี่ยเดินเข้าไปเลยทีละคนนะ แล้วนางก็ตื๊ดบัตร แล้วดันให้เราเข้าไป คือสรุปว่าเราต้องจ่ายเงินให้นาง 100 นึง – – แต่ก็เอาเหอะ พอนางเข้ามาส่งเราเสร็จ นางก็เดินออกไปเลยจ้ะ แหม่.. ตอนนั้นคิดไม่ทัน กำลังเอ๋อๆ ด้วย จริงๆ ป้าฟันพวกเราเละมาก เพราะว่า 11 รอบ 320 รูเบิล ตกรอบละไม่ถึง 30 และป้าน่าจะใช้ตั๋วรายเดือนที่เข้าได้ unlimit (เพื่อนบอกว่ากำลังจะเดินหนี แต่เราดันไปคุยกับป้า.. ยอมรับผิดแต่โดยดี – -)

เราหาข้อมูลมา เค้าบอกว่า มันไม่แปลกถ้าคนหลายคนจะใช้ตั๋วร่วมกันที่นี่ ไม่ผิดกฎ ที่จะตื๊ดบัตรเข้า แล้วส่งบัตรมาให้อีกคน ตืีดเข้ามาอีกรอบ (ตอนขาออกไม่ต้องตื๊ดบัตร) แต่ว่าแบบป้านี่ก็เกินไปนะ

สถานีเป้าหมายคือ  Belorusskaya ตอนเดินออกก็เดินตามๆ คนออกมาเลย ไม่ทันสังเกตว่ามีทางอื่นให้ไปหรือเปล่า พอออกมาบนดินนี่งงเลยทิศไหนเป็นทิศไหน อะไรเป็นอะไร โชคดีที่มีเน็ตและ Google Maps พวกเราเลยเดินถึงโรงแรมได้อย่างปลอดภัย เดินข้ามแยกเป็นว่าเล่น มุดลงทางข้ามใต้ดิน วนไปวนมา งง งง งง

พวกเรานอนโรงแรม Holiday Inn Lesnaya ค่ะ โรงแรมใช้ได้เลยล่ะ(แหงสิ แพงระดับนึงเลย) สะอาด นอนสบาย แอร์เย็น มีทีวี มีอ่างอาบน้ำ ข้อเสียคือ wi-fi เฉพาะ public area, ไม่มีน้ำฟรี, ไม่ให้ใช้ตู้เย็น (ตู้เย็น = มินิบาร์ = ถ้าจะเปิดใช้ตู้เย็นคือเสียตังค์) สาเหตุที่เลือกที่นี่ ไม่ได้ดูจากรีวิวของคนอื่นเลย ดู rating ใน booking.com แล้วก็มีเมโทรใกล้ๆ ที่ไม่ไกลจาก Red Square มาก และมันเป็นเครือ Holiday Inn ด้วย ก็เลยวางใจ

สำหรับคนที่จะมา เราอยากแนะนำให้นอนใกล้ๆ Arbat street หรือ Red Square มากกว่าค่ะ ถึงแม้จะนั่งเมโทรแค่ 4 สถานี แต่ก็ใช้เวลาเหมือนกันนะ และ Area ที่เราไปนอนมันเหมือนเป็น Business area / Financial District ไรงั้นเลยอะค่ะ อารมณ์แบบสีลม สาทร.. ร้านอาหารละแวกนั้น ราคาโหดมากมาย

พอเช็คอิน เก็บของ เข้าห้องน้ำ เรียบร้อย เราก็ลงมาทานอาหารที่ร้าน Beverly Hills Diner ที่อยู่ติดโรงแรม เพราะเห็นป้ายว่าเปิด 24 ชั่วโมง คือตอนนั้นก็จะเที่ยงคืนเข้าไปแล้วอะนะ ห้องพักเราอยู่ชั้น 2 เปิดม่านปุ๊ป คือเห็นร้านนี้อย่างเดียวเลย ตลกดีเหมือนกัน

ร้านนี้เป็นร้าน chain ตกแต่งแบบ Hollywood ยุคหลายสิบปีก่อนอะค่ะ เปิดเพลง เปิด mv เก่าๆ บรรยากาศดีทีเดียว พนักงานพูดภาษาอังกฤษได้ระดับนึงแต่ไม่เก่งมากค่ะ

อาหาร ราคาโหด ทำเอาตกใจอยู่ จานนึง 400-500 บาท บางจาน 700-800 แต่ก็มานึกได้ว่า เพราะเราคิดเป็นเงินบาท มันเลยแพงนี่หว่า.. พอคิดกลับเป็นเงินปอนด์.. เออ 10 ปอนด์ ก็ไม่แพงนักหรอก ราคาปกติของการกินอาหารนอกบ้านที่อังกฤษ (แต่ก็ยังทำใจไม่ได้อยู่ดี)

แต่ที่ช็อคกว่าคือน้ำทุกอย่าง แพ๊งงง แพง น้ำเปล่า 200 งี้ น้ำมะนาว 280 งี้ เพลียห์

อาหารรสชาติใช้ได้อยู่ค่ะ ที่อร่อยสุดๆ เลยคือ Chocobanana milk shake อร่อยมากกกกก

/me กลับโรงแรม นอนหลับเป็นตาย

ป.ล. อาหารที่ประเทศนี้ portion จะประมาณที่ไทยอะค่ะ เล็กกว่านิดหน่อยด้วยซ้ำ กินจานนึงเรียกว่าไม่อิ่มเท่าไหร่ (ถึงราคาไม่ต่างจากอังกฤษ แต่ที่อังกฤษเสิร์ฟมาจานนึงกินหมดนี่คือจุก)

———————————————————————————————————–

วันที่สอง

ออกจากโรงแรมประมาณเก้าโมงกว่าๆ (ไม่ได้จองอาหารเช้า) กำลังเดินไปขึ้นเมโทรทางเดิมที่มาเมื่อคืน พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นทางเข้าเมโทรที่เดินไปจากโรงแรมแค่สัก 150 เมตร….. เอิ่ม.. เมื่อคืนคือไปออกที่ทางออกคนละฝั่งของสี่แยกใหญ่ๆ เลย =”=

พอลงมาที่สถานี คือ งง มาก อะไรเป็นอะไร ป้ายก็มีแต่ภาษารัสเซีย และมันไม่เหมือนเมื่อคืน  เราต้องการขึ้นสายสีเขียวเพื่อไปสถานี Teatralnaya แต่ว่า.. ตอนนี้เราอยู่ที่สายสีอะไร? แหงนหน้าขึ้นไปก็เจอแต่ป้ายประมาณนี้ (ภาพประกอบจากเว็บชาวบ้านค่ะ ยืมเค้ามา ตามเครดิตนะ)

อธิบายให้ฟังนะคะ บรรทัดแรก หมายถึง ถ้าจะไปสายสีแดง ให้ไปซ้ายบน (อาจขึ้นบันไดทางซ้ายมือด้านหน้า) บรรทัดที่สอง ถ้าจะไปสายสีน้ำเงิน ให้ไปขวาบน ส่วนสายที่เราอยู่ตอนนี้ดูจากกลมๆ จุดๆ ระหว่างชื่อสถานีแล้ว ก็คือสายสีเขียวนั่นเองค่ะ ส่วนจะไปสถานีไหนก็มองเอาตามป้ายเลยค่ะ ว่าอยู่ฝั่งซ้ายหรืออยู่ฝั่งขวา (ภาพประกอบนี้ ถ่ายที่สถานี Teatralnaya ซึ่งมีเมโทรผ่านสามสีค่ะ)

พอถึงปลายทางแล้ว ทีนี้ก็ต้องเดาละว่าออกทางออกไหน จะไปเจออะไร เราก็เลยใช้วิธีถามพนักงานเอาค่ะ เราปริ๊นท์ Google Maps ของแต่ละที่เอาไว้แล้วว่าเราจะไปที่ไหน ซึ่งใน Google Maps จะมีชื่อสถานที่ทั้งภาษาอังกฤษและภาษารัสเซียอยู่ด้วยกันน่ะค่ะ ก็ชี้ให้เค้าดูว่าจะไปที่นี่ (ชี้ไปที่ภาษารัสเซีย) แล้วเค้าก็จะบอกเราว่าไปทางไหน ^^

พอขึ้นด้านบนมาแล้วก็จะเจอ Red Square และสิ่งปลูกสร้างๆ ต่างๆ ในบริเวณนั้นค่ะ ประวัติสถานที่ว่าอะไรเป็นอะไรมายังไงไม่ขอเล่าละเอียด เพราะไม่ได้ศึกษา 5555

ร้านขายของที่ระลึกมากมาย

ร้านขายของที่ระลึกมากมาย

 Государственный исторический музей State Historical Museum

Государственный исторический музей State Historical Museum ไม่ได้เข้าไปข้างใน แต่ข้างนอกสวยมากกก

ГУМ GUM

ด้านในห้าง ГУМ GUM ค่ะ

พวกเราทานอาหารเช้าที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในห้าง GUM ราคาแพงมหาโหดมาก Omelette จานละ 300 เพิ่ม add-on เช่น bacon, cheese 110 Rub / Spinach, mushroom, ham 90 Rub คือในเมนูเขียนไว้แบบนี้ เราก็นึกว่า เพิ่มเซ็ตนึง 110 เราเลยสั่งไข่ เพิ่มเบคอนชีส ปรากฏว่า โดนบวก 110 สองครั้ง คือค่าเบคอน และค่าชีส อย่างละครั้ง แทบร้องไห้

แต่สิ่งที่อร่อยคือ ชาเย็น มะนาว ตะไคร้ ขิง อะไรสักอย่าง มิกซ์ๆ กัน แก้วละ 320 รูเบิล คือตอนนั้นร้อนมาก หิวน้ำมาก อยากกินน้ำเย็นๆ หวานๆ มาก เลยตัดใจสั่ง แต่อร่อยมากจริงงงงงๆๆ พูดแล้วอยากกินอีกค่า แต่สู้ราคาไม่ไหววววนะ T_T

ГУМ GUM จากด้านนอก

ГУМ GUM จากด้านนอก

St. Basil's Cathedral

St. Basil’s Cathedral

หลังจากเข้าห้าง GUM กับเดินถ่ายรูปด้านนอก/ใน St. Basil’s Cathedral แล้ว เป้าหมายต่อไปคือ The Kremlin ซึ่งเปรียบเสมือน White House ของรัสเซียนั่นเอง.. ว่าแต่เข้าทางไหน – -? เดินหาทางเข้านานมากกก สรุปว่าต้องอ้อมไปเข้าอีกด้านหนึ่งของกำแพงค่ะ ไม่ใช่ด้าน Red Square (ไปถามพี่ทหารมา) พอเดินอ้อม(ไกลมาก) มาอีกด้านหนึ่งแล้ว ก็หาทางเข้าไม่เจออีก เดินตรง เลยสวนไปเรื่อยๆๆ ถึงจะเจอที่ขายตั๋ว และทางเข้าต่างๆ ค่ะ แพ็คเกจราคาการเข้าชมของนางก็งงมาก เลยบอกคนขายตั๋วไปว่า เอา include ทุกอย่าง แต่สรุปนางก็ไม่ได้ให้อันที่เป็น exhibition พิเศษมาให้ แต่ก็ช่างเถอะ ณ จุดนั้น เดินกันเหนื่อยมากแล้ว (สรุปคือเราซื้อตั๋วเข้า Cathedral กับ Armory สองอย่างค่ะ)

Cathedral ภายใน The Kremlin

หนึ่งใน Cathedral ภายใน The Kremlin

ลานน้ำพุหน้า Kremlin ค่ะ

ลานน้ำพุหน้า Kremlin ค่ะ

กลับจากบริเวณ Red Square พวกเราก็กลับมาที่ Belorusskaya เหมือนเดิม เข้าโรงแรมไป ด้วยความที่ต้องการซื้อของใช้บางอย่าง เลยไปถามรีเซปชั่นว่าจะซื้อได้ที่ไหน นางก็บอกทางไป supermarket มาให้ พอเดินไปถึงนี่ตื่นตาตื่นใจมาก ทั้งขนมเอย ของกินเอย และน้ำเปล่า ที่ราคาขวดละ 25 รูเบิลเท่านั้น (เมื่อคืนเข้าโรงแรมดึกมากแล้ว ก็เลยต้มน้ำร้อนในห้องเพื่อใช้ดื่มตอนเช้า ส่วนหลังออกจากโรงแรมตอนเช้า ซื้อจากร้านขายของชำในสถานีเมโทร ขวดละ 50 รูเบิล)

ซื้อของเสร็จ ก็เลยว่าจะไปกินอาหารญี่ปุ่นที่เห็นตรงแยกแถวสถานีเมโทร (ที่วันแรกมาแล้วขึ้นผิดฝั่ง) ร้านชื่อ Yakitoriya (ร้านไก่ย่าง) เป็น chain restaurant เหมือนกันค่ะ แต่อาหารราคาไม่แพงเท่าไหร่ ตกคนละ 600-700 และอร่อยมากจริงๆๆ แต่ร้านนี้ก็เป็น fusion food ด้วย คือมีพวกพิซซ่ากับสเต๊กอะไรงี้ด้วยอะค่ะ แต่พวกเราเลือกสั่งอันที่เป็นญี่ปุ่นๆ

ถ้าถามว่าทำไมไม่กินอาหารรัสเซีย คือตอนนั้นไม่มีมู้ดอยากกินนะ และร้านมีตรงไหนบ้างไม่รู้ และตอนนั้นอยากกินอาหารญี่ปุ่น เพราะเมืองที่พวกเราอยู่กันนั้นไม่มีอาหารญี่ปุ่นอร่อยๆ สักร้าน ^^”

เส้นอุด้งผัดแซลมอน

เส้นอุด้งผัดแซลมอน

กินอาหารญี่ปุ่นกันจนฟิน เช็คบิลเสร็จ เค้ามีคูปองให้ขูดๆ สรุปว่า ได้โมฮิโต้ฟรีหนึ่งแก้วถ้ามาทานครั้งหน้า พวกเราก็เก็บบัตรนั้นไว้

กลับโรงแรมมา เดินผ่านฟิตเนสเลยแวะเข้าไปดู เสียบบัตรเปิดประตูเข้าไป (เราสามารถใช้ฟิตเนสโรงแรมได้) ก็มีลู่วิ่ง มีเวทเทรนนิ่ง มีโยคะบอล เป็นห้องเล็กๆ น่ะค่ะ กลิ่นเหงื่อๆ อับๆ ตอนที่เราเข้าไปไม่มีคน และสิ่งที่พวกเราพบคือ!! ตู้ – กด – น้ำ!! เป็นตู้กดน้ำจากแกลลอนน้ำของเนสเล่ค่ะ รีบเติมน้ำใส่ขวดแทบไม่ทัน.. หลังจากวันนี้พวกเราไม่ต้องเสียค่าน้ำเปล่าแล้วสินะ เย่

เรื่องราวของวันถัดไปไว้ต่อตอนสองนะคะ >> เที่ยวเองในมอสโกฤดูร้อน 3 วัน ตอนที่ 2