Monthly Archives: April 2015

Kiddy Land แหล่งดูดเงินนักท่องเที่ยวสายแบ๊ว

เมื่อวันก่อน แวะไป Kiddy Land ที่สาขาโอโมเตะซันโดะมา

เป็นตึกที่มี 4 ชั้น แต่ละชั้นก็มีของขายของการ์ตูนแต่ละเรื่องไป เราโดนตั้งแต่ชั้น 4 หมดตัวไปกับ Rilakkuma ลงมาชั้น 3 เจอเซเลอร์มูน ลงมาชั้น 2 เจอมูมิน ลงมาชั้นล่างสุด เจอฟูจิโกะ สาวน้อยเกาะแก้ว โอเคแหละ ใครเงินเยนเหลือก็มาผลาญกันที่นี่ได้จ้ะ

โพสต์นี้ไม่มีอะไร แค่ ——– *เผาตัวเอง* ว่ารอบนี้หมดตัวไปเท่าไหร่กับริลัคคุมะ (ราคาไม่รวม tax)

กระเป๋าพลาสติก เอามาใส่ครีม กว้างประมาณ 6″

พิมพ์ขนม 😀

ฮือออออ นั่ลลัคคคค

กระดาษโน้ต 100 เยนเองงง ตลกปากไก่

หมอนหมี //-v-//

เซ็ตเลมอน >_<

โคะเนิร์ด กับเซ็ตซัมเมอร์ว่ายน้ำ >w<

ใบเสร็จออกมา 17,420 เยน #เป็นลม

#จบค่ะ

#ขอบคุณที่รับฟัง

#ร้องไห้หนักมาก

[Review] Hapineko คาเฟ่แมวที่ชิบูย่า, โตเกียว

ปกติแล้วไปโตเกียว ทุกคนไปทำอะไรกันบ้างคะ? แต่ละคนก็มีแนวทางที่ชอบเที่ยวไม่เหมือนกันใช่ม้า ส่วนตัวเรา เราไปคาเฟ่แมวมาแหละ :3

Hapineko หรือ Happy Neko นั้น อยู่ที่ย่านชิบุยะ (หรือชิบูย่า) ค่ะ ลงสถานี Shibuya ออกที่ Hachiko Exit แล้วเดินไปแป๊ปเดียวเองค่ะ

ร้านจะอยู่บนตึก Cratos (Kuratosu) ชั้น 3 ถ้าไม่สังเกตดีๆ อาจเดินเลยไปได้นะ มองหาป้ายเจ้าแมวส้มนี้ไว้

พอเจอป้ายนี้แล้ว เราก็เดินขึ้นตึกกันมาเลย ทางเข้าหน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ

พอเดินเข้ามาก็จะเจอป้ายบอก Hapineko ของเราอยู่ชั้น 3 เดินขึ้นบันไดก็ได้ หรือกดลิฟต์ก็ได้จ้า

ด้านหน้าตกแต่งน่ารักมุ้งมิ้งมาก ที่เห็นแขวนป้าย CLOSE เพราะรูปนี้เราถ่ายตอนออกมาจากร้านแล้ว เราเป็นลูกค้ากรุ๊ปสุดท้ายในวันนั้นพอดี แหะ

เปิดประตูเข้าไปก็จะเจอเคาน์เตอร์ค่ะ มีเจ้าของร้านคอยแนะนำ ชี้ป้ายให้อ่านอยู่ พอรู้ว่าเราเป็นชาวต่างชาติ เค้าก็มีป้ายภาษาอังกฤษให้เราค่ะ

ค่าเข้าบริการถือว่าโหดอยู่นะ 30 นาที 1,080 เยน ได้ 1 drink เราเลือกออปชั่นนี้แหละ 55555 จริงๆ อยากอยู่สักชั่วโมงนึง แต่มีนัดต่อพอดี

แล้วเค้าก็มีข้อแนะนำวิธีปฏิบัติตนกับแมว ถือว่าทำ instructions ได้น่ารักดีค่ะ ^^ ก็คือเวลาอุ้มแมวให้รองรับก้นเค้าด้วย ห้ามอุ้มแมวจากที่สูง ห้ามวิ่งไล่แมว ห้ามเกาแมวที่จุดๆ เดิมนานๆ ห้ามอุ้มแมวเดินไปเดินมา ฯลฯ

แมวที่เหนื่อยแล้ว ชั่วโมงการรับแขกสูงในวันนั้น เค้าจะใส่ปลอกคอไว้ค่ะ เราห้ามไปเล่นกับมัน เพราะว่าแมวเป็นสัตว์ที่เครียดง่าย

พอตกลงจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อย เขาจะเปิดประตูให้เราเข้ามาด้านใน แล้วมีถุงผ้าถุงใหญ่ให้เราใส่กระเป๋าและสัมภาระอื่นๆ ของเราไว้ในนี้ รวมถึงกล้องถ่ายรูปด้วยค่ะ GoPro ก็โดนยึดค่ะ ใช้ได้แต่กล้องโทรศัพท์ 😦 และเขาได้เตรียม slippers ไว้ให้เราเปลี่ยนค่ะ ระหว่างอยู่ในห้อง ห้ามถอดสลิปเปอร์ด้วย เพราะเรามีเผลอถอดเลยโดนดุเยย หลังจากนั้นก็ให้เราไปล้างมือให้เรียบร้อยค่ะ ฆ่าเชื้อด้วยแอลกอฮอล์ เหมือนคาเฟ่แมวทั่วไป

พอล้างมือเสร็จเค้าก็จะยื่นเจ้านี่ให้ เป็นบัตรคล้องคอบอกว่าเราหมดเวลากี่โมงค่ะ ของเรากว่าจะอ่านป้ายเสร็จก็เกือบทุ่มนึงละ

ด้านในเค้าตกแต่งได้น่ารักมากเลย มีที่อยู่แมว ของเล่นแมว เต็มไปหมด มีหนังสือให้อ่านเล่นมากมายด้วย

อีกฝั่งนึงเป็นหน้าต่างกระจกบานใหญ่เลย มองเห็นถนน ผู้คนเดินผ่านไปมา

มีคอนโดแมวมากมายอลังการ

เจ้านี่นอนอยู่กลางห้องเลยค่ะ สงสัยจะเหนื่อย ใส่ปลอกคอด้วย

ตอนแรกเข้ามาเจอแมวตัวเดียว พร้อมกับชาวต่างชาติอีก 2 คน แอบนอยด์เล็กน้อย ว่าไม่มีแมวที่ให้เล่นได้เลย พอเราเข้ามาได้แป๊ปเดียว 2 คนนั้นก็หมดเวลา ออกจากร้านไป เหลือแค่กรุ๊ปเรา ครองทั้งคาเฟ่ค่ะตอนนี้ 555 แมวทั้งหมดเป็นของเรา วะฮะฮ่า

พอสังเกตดีๆ ก็มีแมวหลับอยู่ตามซอกต่างๆ เต็มไปหมด

เค้าเอาเมนูมาให้เลือก เครื่องดื่มไม่ได้มีอะไรมากมายค่ะ พอสั่งไปไม่นาน เค้าก็เอามาเสิร์ฟค่ะ ของเราสั่งกาแฟร้อนกับชามะลิไป

มีช็อกโกแลตชิ้นเล็กๆ ให้ทานพร้อมกับเครื่องดื่มด้วย

เจ้านี่ชื่อ มีมี่ ค่ะ สก๊อตทิชโฟลด์หูตั้ง ตุ้ยนุ้ย

ส่วนคนนี้ออกมาเดินแป๊ปเดียว ก็มุดหายไปหลังร้าน

คนนี้ขนสีสวยมาก เค้าบอกว่าผสมระหว่าง Bengal กับ Siamese แหละ

ตรงนี้คือช่องเข้าหลังร้านค่ะ ด้านในมีห้องน้ำแมว กับที่ให้อาหารแมว เค้าจะเดินเข้าเดินออกช่องนี้กันเยอะ

พอเริ่มออกมาเดินเล่นกันบ้าง เราก็ใจชื้น >_<

คนนี้เค้าชื่อ Nina เป็นพันธุ์ Russian Blue ค่ะ สวยมากกกกก เป็นตัวแสบที่คอยแกล้งคนอื่น ไปแหย่ให้ตัวอื่นเค้าโกรธ วิ่งไล่กันทั่วห้อง 555

ก็ได้อุ้มแมวอยู่น้า อุ้มตัวแสบ

ขอถ่ายหน่อย :3


แบ๊วเนอะ

เบื้องหลังของการถ่ายภาพเมื่อกี้ :3 อ้อ พื้นไม้ที่เห็นตรงที่เรากะแมวนั่งอยู่ในรูป เป็นพื้นอุ่นด้วยแหละ นั่งสบาย~

คนนี้ก็เดินไปเดินมาแพร๊พเดียว

คนนี้อยู่ๆ ก็มุดออกมาจากในบ้าน เข้าไปหลับอย่างเงียบสงบมากเยย

พี่ขนฟูที่นอนอยู่ด้านบนตื่นแล้วค่า พี่เค้าชื่อมิลุกุ (มิ้ลค์)

เราได้จับแมวแค่นิดเดียวเอง เพราะเราก็ขี้เกรงใจแมว แต่แค่นั่งดูเค้าเล่นกัน เดินไปเดินมาก็พอใจแล้วค่ะ ทาสแมวขั้นเทพจริงๆ

จะว่าไปแป๊ปๆ ก็หมดเวลาแล้ว ฮือ ระหว่างที่นั่งอยู่เราก็สังเกตว่าแมวจะไปออกันแถวเคาน์เตอร์กับทางหลังบ้านเยอะมาก เหมือนเค้ารอทานอาหารมั้งคะ พอเราออกจากร้าน เค้าก็พลิกป้ายเป็น close เลย ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วเวลาทำการของร้าน คือ รับลูกค้าถึง 4 ทุ่ม สงสัยวันนั้นปิดเร็ว โดยรวมแล้วเราว่าก็โอเคนะ ครึ่งชั่วโมง 300 บาท ได้เครื่องดื่มหนึ่งอย่าง ถึงราคาจะดูโหดไปหน่อยถ้าอยากนั่งนานๆ แต่ว่าเค้าก็ให้เราอุ้มกับเล่นแมวได้เต็มที่ (มีกระบะของเล่นแมวให้เลือกหยิบมาเล่นด้วย)

ขอปิดท้ายไปด้วยรูปถุงเท้า แมวเราเอง >_< จริงๆ แล้วอยากอวดปลอกคอใหม่ ซื้อมาจากร้านขายของ accessories สัตว์เลี้ยงที่หน้าวัด Asakusa ค่ะ จะบอกว่าเราเสียทรัพย์ไปเยอะมาก ได้ปลอกคออันนี้มา แล้วมีหมวกสองใบเป็นพร๊อพ และก็ได้ไม้แหย่แมวมาอีกอันนึง ของแต่ละชิ้นตกประมาณพันกว่าเยนอะค่ะ ค่อนข้างแพง แต่ด้วยความที่เป็นทาสแมวขั้นสูง เราก็ต้องซื้อใช่ไหมคะ 5555 นอกจากนี้แล้วร้านที่อะซะคุสะ เค้าขายชุดกิโมโน กับชุดมัตสึริ(งานเทศกาล) ที่เป็นชุดของสัตว์เลี้ยงด้วยแหละ อยากได้มากเลย แต่ชุดละ 3,500 เยน เลยขอลาก่อน

ถ้าใครมีเวลาว่าง เดินเล่นแถวชิบุยะแล้วล่ะก็ อย่าลืมไปแวะคาเฟ่แมวร้านนี้ด้วยน้า โลเคชั่นดี แมวดีค่ะ ^^

(และอย่าลืมไปเสียทรัพย์ให้กับร้านที่อะซะคุสะด้วยนะคะ :P)

เว็บไซต์ร้าน: hapineko.com

[Review] พาชิมข้าวแกงกะหรี่ CoCo Ichibanya ฉบับต้นตำรับที่ญี่ปุ่น

ช่วงหลังๆ นี้เห็นคนไทยไปเที่ยวญี่ปุ่นกันเยอะม๊ากกกกก อย่างกับญี่ปุ่นเป็นอีกหนึ่งจังหวัดของประเทศไทยซะอย่างนั้น ก็ช่วยไม่ได้เนอะ ทั้งมาตรการยกเว้นวีซ่า ทั้งค่าเงินที่ถูกขนาด 0.27 THB/JPY ทั้งโปรโมชั่นตั๋วเครื่องบินที่ถูกแสนถูก เพราะฉะนั้นตอนนี่ญี่ปุ่นก็เป็น The most popular destination สำหรับคนไทยไปเรียบร้อยแล้ว

เราเองก็เป็นหนึ่งในคนไทยที่เพิ่งไปเที่ยวญี่ปุ่นมา 😀 ไปมาเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมานี่เองค่ะ ซากุระกำลังบานเลย ^_^ โชคดีสุดๆ วันนี้เราเลยจะมาเล่าประสบการณ์การกินข้าวแกงกะหรี่ร้าน CoCo Ichibanya แฟรนไชส์จากญี่ปุ่นที่ในไทยฮิตเหลือเกิน (และราคาแพงมว๊าก)

CoCo Ichibanya ในญี่ปุ่นนั้นพบเจอได้ทั่วไป (เกือบจะเป็น McDonald’s ในบ้านเรา) และร้านก็ไม่ได้ดูหรูหราอลังการขึ้นห้างค่ะ เป็นร้าน Stand-alone เล็กๆ ธรรมดาๆ ส่วนสนนราคาก็ไม่ได้แพงเท่าโคโค่ที่บ้านเรา(เมื่อเทียบกับค่าครองชีพแล้ว) ถือว่าที่ญี่ปุ่นนั้นโคโค่เป็นร้านอาหารราคากลางๆ ค่ะ

เปิดประตูเข้ามา จะเห็นแบบนี้

อันนี้ เป็นมุมที่มองออกไปที่ประตูร้านค่ะ

เราลืมถ่ายหน้าร้านมา แต่ว่าเป็นป้ายสีเหลือง โลโก้แบบเดียวกับที่ไทยเลย พอเข้าร้านมาก็จะเป็นซองๆ แคบๆ แบบนี้ มีชั้นหนังสือการ์ตูน(มังงะ)ให้หยิบอ่านด้วย เท่ฝุดๆ อันนี้เราไปที่สาขาแถวๆ สถานี Shin-nakano ค่ะ

บริเวณที่นั่งงี้มีปลั๊กไฟให้ใช้ด้วยฟรีค่ะ ใครแบตใกล้หมด ควรมานั่งหาอะไรกินที่นี่แล้วชาร์จแบตไปด้วย (ส่วนป้ายแดงๆ ที่เขียนว่า 103 เยน กับ 206 เยน อันนั้นเป็นเรื่องซอสแกงกะหรี่จ้ะ)

ผักดองแสนโปรดของชาวไทยของเรา เอ๊ะ มันสีไม่แดงอะ ทำไมมมม แต่รสชาติคล้ายคลึงกันค่ะ แต่จะหวานน้อยกว่าที่ไทยนิดนุงง แต่เราก็ตักกินไปซะครึ่งกระปุกเหมือนเดิม 5555 (ตอนบินกลับไทย หากใครมีโอกาสได้ใช้บริการ lounge ของ ANA ที่สนามบินฮะเนะดะล่ะก็ แนะนำให้กินข้าวแกงกะหรี่ในเลาจ์ค่ะ และผักดองรสเหมือนที่โคโค่ที่ไทยเลยอร่อยมากกก)

หน้าตาของเมนูที่นี่ค่ะ บางอันเหมือนที่ไทย และบางอันที่ไทยไม่มี นอกจากนี้ยังมีสลัดให้เลือกเยอะแยะกว่ามากเลย

อันนี้ช่องบนสุด คือมีซอส 3 แบบให้เลือก ช่องถัดมาคือ เพิ่มลดปริมาณข้าว ช่องถัดมาคือระดับความเผ็ดค่ะ ที่นี่เผ็ดไปได้จนระดับ 10 เลย โหดร้ายมากกกก ที่ไทยมีแค่ 5 เอง ส่วนช่องล่างสุดก็คือเพิ่มท็อปปิ้งต่างๆ เนอะ

อันนี้แอบถ่ายครัวเค้า ก็คือเรามองเห็นจากที่เรานั่งแหละ เพราะมันเป็นเก้าอี้เคาน์เตอร์ทั้งหมด

หลังจากออเดอร์เรียบร้อยแล้ว เพียงแค่ครู่เดียว สลัดก็ถูกนำมาเสิร์ฟ เราสั่งสลัดไก่กับมันฝรั่งไป ผักดูดีงาม ไก่ต้มใส่ซีอิ๊วเค็มนิดๆ กำลังดี สลัดมันฝรั่งแบบญี่ปุ่นก็หวานมันอร่อยอยู่แล้ว

พนักงานเค้าจะยกขวดน้ำสลัดมาให้ค่ะ มี 3 แบบให้เลือก โหยยยยย น้ำลายไหล (เป็นคนชอบกินน้ำสลัด)

ขวดแรกเป็นสลัดครีมงาญี่ปุ่น เหมือนกับเวลาสั่งสลัดญี่ปุ่นที่ไทยอะค่ะ หวานๆ มันๆ อร่อยดี

อันนี้ออกแนวเหมือนน้ำสลัดฝรั่งเศส(?) แบบฝรั่งๆ หน่อย คือ เปรี้ยวๆ เค็มๆ มันๆ เหมือนเป็นส่วนประกอบระหว่างน้ำส้มสายชูกับน้ำมันมะกอก(มั้ง) แต่ไม่ค่อยอร่อยอะค่ะ ออกเค็มๆ มันๆ

ส่วนอันนี้เป็นอะไรที่เลิศเลอมาก บอกไม่ถูก ไม่รู้มันคือน้ำสลัดโชยุหรืออะไรไม่รู้ แต่มันเปรี้ยว หวาน เค็ม และไม่มัน กำลังดีเลย อ้อ ตรงเคาน์เตอร์ของร้าน(เวลาไปจ่ายตังค์) เค้ามีขวดน้ำสลัดวางขายด้วยแหละ เราเห็นของขวดนี้ เค้าเขียนว่า Non-oil ตอนแรกว่าจะแวะมาซื้ออีกทีก่อนกลับไทย แต่ดันลืมมมมมม #ร้องไห้หนักมาก #มันอร่อยมาก คือน้ำสลัดงามันก็อร่อยนะ แต่มีขายที่ไทยไง แบบยี่ห้อ Kewpie หรือของฟูจิ อะไรงี้ แต่อันนี้ไม่เคยกินอะ

สรุปสลัดเราก็ใส่น้ำสลัดงา กับน้ำสลัดดำๆ นี้ผสมกัน โอ๊ยยย ฟิน

กินสลัดยังไม่ทันหมด (จานใหญ่) ข้าวแกงกะหรี่ก็มาส่งแล้วค่าา อันนี้ของเพื่อนเรา เป็นหน้าปลาทอด กับซอสทาร์ทาร์วาซาบิ อร่อยใช้ได้เลย เผ็ดระดับธรรมดา

ส่วนอันนี้ของเราาาา สั่งแบบที่ไทยเป๊ะ แกงกะหรี่ไก่ทอดผักรวม หน้าตาเหมือนที่ไทยเป๊ะเลย (หารูปที่ไทยไม่เจอง่ะ) เราสั่งเผ็ดระดับ 4 ค่ะ (ที่ไทยก็กินระดับนี้)

ไก่ทอดที่ญี่ปุ่นไม่กรอบเท่าที่ไทยอะ มันจะมีหนังค่อนข้างเยอะ เลยเหนียวๆ หน่อย ในขณะที่ไก่ทอดที่ไทยคือร้อนๆ กรอบๆ อร่อยกว่า

ส่วนผัก ใส่เหมือนกันค่ะ ไม่ติดอะไร อร่อยเหมือนกัน

น้ำแกงกะหรี่ เราว่าตัวน้ำแกงไม่ข้นหนืดเท่าที่ไทย คือเวลาสั่งเผ็ดระดับสูงๆ ที่ไทย น้ำแกงกะหรี่มันจะหนืดขึ้นมากๆ เหมือนกับใส่พริกป่นลงไปเยอะแล้วเอาไปเคี่ยวเพิ่ม ส่วนที่นี่เราว่าน้ำแกงมันไม่หนืดเกินไปค่ะ แต่รสชาติเข้มข้น อร่อยมาก และ ความคิดเห็นส่วนตัว คือ เผ็ดระดับ 4 ที่ญี่ปุ่น เผ็ดกว่าระดับ 4 ที่ไทย (เพราะตอนกินที่ไทยไม่ค่อยรู้สึกเผ็ดมากเท่าไหร่ แต่กินที่นี่นี่เหงื่อตกนิดนึงเลยแหละ)

แต่อย่างเพื่อนเราบอกว่า ไม่ค่อยชอบโคโค่ที่นี่เพราะน้ำแกงกะหรี่มันไม่ค่อยข้น(หนืด) เขาจะชอบของร้า่น GoGo Curry มากกว่า อันนี้ก็แล้วแต่คนชอบเนอะ

และแล้วก็ถึงเวลาจ่ายเงิน เค้าจะมีบิลเสียบไว้ที่โต๊ะ ให้เราหยิบไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ค่ะ แกงกะหรี่ไก่ทอดผักรวมของเรา 991 เยน แกงกะหรี่ปลาทอดซอสทาร์ทาร์วาซาบิ 762 เยน สลัดไก่มันฝรั่ง  391 เยน และชาอู่หลงอีก 103 เยน เบ็ดเสร็จ 2,247 เยนค่ะมื้อนี้

เวลาใครไปเที่ยวญี่ปุ่นแล้วนึกไม่ออกว่าจะกินอะไรดี หรือว่าคิวร้านดังนั้นต่อแถวยาวเกินไป แต่หิวมากแล้ว เราว่า CoCo Ichibanya ที่นู่นก็เป็นตัวเลือกที่ดีเลยค่ะ 😀