Monthly Archives: October 2011

อยากเป็นนางฟ้า ไม่ยากอย่างที่คิด ^^*

พักหลังๆ มานี่ มีคนสอบถามเข้ามาเยอะ ทั้งคนรู้จัก และไม่รู้จัก
ถามว่าทำยังไงถึงจะได้เป็นแอร์ ยากมั้ย ต้องทำยังไงบ้าง เตรียมตัวยังไงบ้าง

แนะนำให้หาข้อมูลที่นี่เลยค่ะ thaicabincrew.com มีข้อมูลเฉพาะของทุกสายการบิน ว่าแต่ละสายการบินชอบแบบไหน สไตล์ไหน ต้องเตรียมตัวอย่างไร และแต่ละสายการบินมีสิ่งที่ชอบหรือไม่ชอบเป็นพิเศษอย่างไร (แต่ต้องขุดกระทู้เก่าๆ อ่านหน่อยนะ)

ทีกล่าวอย่างนี้ก็เพราะว่าแต่ละที่เขาก็มีแนวไม่เหมือนกันจริงไหมคะ?

วันนี้เราจะเล่าคร่าวๆ ให้ฟัง จากประสบการณ์ของเราละกัน (*หมายเหตุตัวโตๆ อันนี้ ประสบการณ์ของเรา ไม่ใช่ว่าทุกคนจะพบเจอเหมือนเรานะคะ)

*สมัครแอร์ครั้งแรก

เราสมัครแอร์ครั้งแรกตอนเรียนอยู่ปี 4 เทอม 2 ค่ะ สายการบิน Qatar Airways ตอนนั้นไม่มีพื้น ไม่มีความรู้ข้อมูลอะไรเกี่ยวกับการที่จะเป็นแอร์เลยว่าต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง เข้าไปหาข้อมูลใน TCC (ThaiCabinCrew) ก็หาไม่ค่อยจะเจออ่านไม่ค่อยรู้เรื่องว่าต้องทำอย่างไร ก็ไปมันมั่วๆ ซั่วๆ แบบนั้น ลุยเดี่ยวเข้าไปคนเดียวค่ะ (เราไม่เคยเรียนคอร์สเตรียมแอร์/TOEICค่ะ)

  • ชุดที่ใส่: เสื้อข้างในสีแดง ข้างนอกเป็นสูทสีดำสำเร็จรูป ซื้อจากซอยร้อยร้าน อนุสาวรีย์ สนนราคา 800 บาท
    • ความเห็น – รู้สึกว่าผ้าก็ห่วย ทรงก็ห่วย ซื้อมาได้ไงไม่รู้ แต่ความยาวของกระโปรงสูทสมัครแอร์ ควรยาวครึ่งเข่า หรือคลุมเข่านะคะ (สุภาพ) และไอ้ชุุดแดงดำนี่โหลมากๆ เลยค่ะ ไปถึงคนใส่เหมือนเราเยอะมาก ทั้งสูทเหมือนกัน ขนาดเสื้อตัวในยังเหมือนกันเลย อายมาก
  • แต่งหน้า: เราให้เพื่อนแต่งให้ แต่งเปร๊ะมาก โขกตาดำ เราทาปากสีนู้ดส้มค่ะ นั่งๆ ไปมันก็ซีด สุดท้ายไปขอลิปสติกคนข้างๆ ให้เติมให้หน่อย กลายเป็นปากแดง (ทาปากเองยังไม่เป็นเลย!!) แต่เนื่องจากเราผมสั้น ชีวิตเราเลยง่ายกว่าหลายๆ คนที่ผมยาวเยอะ!
    • ความเห็น – คิดว่าการสมัครแอร์ไม่ต้องทาปากแดงค่ะ ทาสีอื่นเถอะ สีแดงมันเกร่อและไม่ได้เหมาะกับทุกคน จริงๆ นะ
  • เอกสาร: จำไม่ได้แล้ว แต่เตรียมไปตาม requirement อะค่ะ เอาไปเผื่อๆ ก็ดี ยิ่งคะแนน TOEIC สูงๆ ยิ่งดีค่ะ อ้อ.. TOEIC เรา 900 นะ
  • รูปถ่าย: ถ่ายที่ร้าน cyber siam จะว่าสวยก็สวย ไม่สวยก็ไม่สวยนะ มันยาวๆ หลอกๆ ยังไงชอบกล แต่ก็เอาเถอะ
  • เหตุการณ์วันนั้น: ไปที่เซ็นทรัลลาดพร้าวตั้งแต่แปดโมง แถวยาวเป็นกิโล กว่าจะต่อคิว เดินๆๆ เข้าไปจนถึงข้างใน ยื่นเอกสารใช้เวลาประมาณ 2 นาทีเสร็จ (จริงๆ) เค้าถามแค่ว่าเคยบินกับกาตาร์มั้ย แค่นั้น (จริงๆ) กว่าจะเสร็จ เกือบบ่ายสาม เดินออกมากินราเม็งกะเพื่อนที่รู้จักกันวันนั้นแหละ และก็ไม่ผ่านรอบแรก
  • เพิ่มเติม: วันนั้นเจอเพื่อนของเพื่อนที่เรียน SIIT ไปสมัครวันเดียวกันนั่นแหละ แต่ตอนนี้มันเป็นแอร์อยู่ที่นู่นละ นอนดูดบารากุอยู่กาต้าร์ชิวไปแล้ว

ด้วยความที่ประสบการณ์ครั้งแรกกับการสมัครแอร์ไม่ค่อยประทับใจเท่าใดนักก็เลยเลิกคิดมันไป และมีงานมีการเข้ามามากมายให้เลือกทำ จนเวลาผ่านไปหลายเดือน ก็ลาออกจากงาน ว่างงาน และเห็น ThaiAirAsia รับสมัคร คราวนี้เราเลยฟิตลองสมัครแอร์เป็นครั้งที่สองค่ะ

*สมัครแอร์ครั้งที่สอง

คราวนี้จริงจังกว่ารอบแรก สูท เราไปตัดที่ร้านป้าดา ซอยละลายทรัพย์ ค่ะ สนนราคาประมาณ 1,800 มั้ง ไม่แน่ใจราคา แบบ ทรง เราเลือกได้ สาวๆ ที่สมัครแอร์มักไปตัดที่ร้านป้าดา / ร้านลองคอลเลคชั่น สองร้านนี้ในซอยละลายทรัพย์ค่ะ เราไม่มีแบบในดวงใจ เราไปถึงก็เลือกๆ ตามที่เค้าตัดๆ ไว้ เอาปกของชุดนั้น เอากระดุมของชุดนี้ มามิกซ์ๆ กัน ออกมาเป็นแบบเสื้อเราค่ะ

เราตัดสูทสีดำ (ชอบส่วนตัว) แต่เห็นของคนอื่นที่สั่งตัดกันไว้มีทั้ง สีครีม สีบานเย็น สีฟ้า สีชมพู (ทั้งสีพาสเทล และสีจัดๆ ก็มี) บางคนคิดว่าใส่สีเด่นๆ แล้วจะเจิด กรรมการจำได้ (ใช้วิธีแบบคุณอ้อมในกลรักลวงใจ 😛 ซึ่งก็อาจจะได้ผลจริงๆ ก็ได้นะคะ ^^)

ส่วนเสื้อตัวใน เราใช้เสื้อชีฟอง ที่เราใส่ไปทำงานค่ะ ตามรูปประกอบเลยค่ะ

คราวนี้แต่งหน้าเองค่ะทั้งถ่ายรูปทั้งวันสมัคร (สกิลอัพแล้ว จากงานรับปริญญา ฮ่าๆๆ) ก็ใส่บิ๊กอายของแม๊กซิม แล้วก็ติดขนตาปลอมเบราๆ เล็กน้อยค่ะ ^^ (อายหนังหน้าตัวเองจังงงง >//<)

สัมภาษณ์รอบแรก

ต้องไปยื่นใบสมัครด้วยตนเองที่ศูนย์สิริกิตติ์ค่ะ คนเป็นล้าน(เวอร์) ประมาณสองพันกว่าคนน่ะค่ะ เราไปถึงประมาณเก้าโมงสิบโมง ต่อแถวรอออออ กันไป จนกระทั่งถึงด้านในห้อง ได้ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง เช็คเอกสารว่าครบถ้วนมั้ย พอเรียบร้อยก็รอเข้าสัมภาษณ์ โดยจะมีผู้สมัครสองคนต่อผู้สัมภาษณ์หนึ่งคนค่ะ มันก็ไม่เชิงแย่งกันตอบหรอก แต่ก็เปรียบเทียบได้ชัดอยู่ว่าใครโง่กว่าใคร (จริงๆ)

เค้าก็ถามทั่วๆ ไปค่ะ ทำไมถึงอยากเป็นแอร์ แล้วทำงานอะไรมาก่อน แล้วลาออกทำไม แล้วเคยทำกิจกรรมอะไรมาบ้าง บลา บลา บลา (เป็นภาษาอังกฤษนะคะ) แต่คำถามเด็ดสุดคือ “Give me one word that describe yourself” เรานึกออก เราก็ชิงตอบก่อนค่ะ แต่ไม่บอกว่าอะไร ^^ ส่วนคนข้างๆ นางดันโชว์โง่ ตอบมาเป็นประโยคยาวปรื๊ดปร๊าดเลย – -” เค้าให้ตอบคำเดียว

ข้อสังเกต: ที่นี่ไม่ซีเรียสเรื่อง grooming ในรอบแรกๆ ค่ะ คนที่นั่งสัมภาษณ์ข้างๆ เรา ก็ไม่ได้ทาเล็บ ก็เห็นนางผ่านรอบสองเข้าไปด้วยแหละ และบางคนก็ไม่ใส่สูทด้วยนะ แต่แต่งตัวสุภาพแบบเก๋ๆ ก็เห็นผ่านเข้าไปค่ะ

สัมภาษณ์รอบสอง

ที่ศูนย์ฯสิริกิตติ์อีกเช่นกัน แบ่งเป็นห้อง A/B แยกทำกิจกรรมค่ะ มาถึงให้แนะนำตัวรายคน คือทุกคนนั่งเก้าอี้ล้อมลงอะ แล้วให้ออกไปยืนแนะนำตัวตรงกลางพร้อมความสามารถพิเศษ

อู้ยยยย บางคนก็เดินแบบ เต้นรำ โยคะ ร้องเพลง ฯลฯ อันนี้ก็แล้วแต่ไหวพริบคนแล้วค่ะ บางคนก็พลาดนะ มาเต้นไก่ย่างกระดกก้นแบบอุบาทว์ๆ… แต่กรรมการอาจชอบก็ได้อันนี้ไม่ทราบเช่นกัน

ถัดมาก็ให้แบ่งเป็นกลุ่มย่อยๆ ประมาณ 7-8 คน เค้าให้จับสลากสถานการณ์เช่น ผู้โดยสารไม่ยอมปิดมือถือ ผู้โดยสารใช้กำลัง เพื่อนร่วมงานชะนีจัดรวมหัวแกล้งเรา ฯลฯ ก็ให้ตอบคำถามค่ะ แต่ระหว่างที่ discuss กันในกลุ่ม ให้คุยเป็นภาษาอังกฤษ และจะมีคนคอยฟังค่ะ ว่าเราออกความคิดเห็นอะไรยังไง

เท่าที่เคยอ่านใน TCC เค้าบอกว่า รอบกรุ๊ปนี้ ต้องพูดแต่พอดี ไม่แลดูเอาชนะเกินไป ไม่พูดน้อยไป อะไรไม่รู้ เยอะ!! ของเรา เราก็เผลอพูดยืนยันความคิดตัวเองเยอะเหมือนกันนะ 555 แต่จริงๆ ก็ควรจะมีคนที่คอยสรุปความเห็นของกลุ่มนะ เราว่าคนที่คอยสรุปน่ะน่าจะได้คะแนนดี (คหสต)

ถัดมาเค้าปล่อยไปทานข้าว แล้วก็สัมภาษณ์เดี่ยว เราคนเดียว กรรมการสองคน เค้าก็ชวนคุยเล่น ถามนู่นนี่นั่น ถามว่าคุณหนูปะเนี่ย? เคยทำงานบ้านรึเปล่า? มาทำงานต้องล้างส้วมนะ เช็ดอ้วกผู้โดยสารนะ? ทำได้เหรอ? ฯลฯ

แล้วก็ให้เราลองเดินลากกระเป๋ารอบห้องดู แล้วก็ให้เราขายของ คือทำยังไงก็ได้ ให้ขายให้ได้อะ เค้าให้เราขายเสื้อโปโลกะน้ำเปล่า (ของเราโชคดีคุยภาษาไทย แต่เห็นบางคนบอกว่าโดนภาษาอังกฤษก็มีนะ) เราก็ขายสุดฤทธิ์เลยค่าาา

“โหยยย คุณพี่คะทานน้ำตอนนี้สุขภาพดีชื่นใจ ผิวหน้าเด้งเปล่งปลั่งแลดูอ่อนวัยเยี่ยงดื่มน้ำอัมฤทธิ์” ก็แถ โม้ๆ ไปน่ะ ^^

แฮ่~ และก็จบวันอันยาวนานค่ะ

สัมภาษณ์รอบสุดท้าย

มาสัมภาษณ์ที่บริษัทค่ะ ทำ Attitude Test (กากบาทที่คำถามมันงงๆ ซ้ำๆ น่ะค่ะ) แล้วก็เข้าไปสัมภาษณ์ ใช้เวลาแป๊ปเดียวเอง เหมือนพามาดูตัวกับผู้บริหารค่ะเราคนเดียว กะกรรมการ 7-8 คน เค้าห้ามเราใส่ถุงน่องด้วยแหละ โชว์ขาลายเต็มๆ เลย ขาเราแผลเป็นเยอะมาก เราก็ใช้รองพื้นกะแป้งปาดๆ ไป แต่ก็ไม่ค่อยเนียน (เพราะทำไม่เป็น) ก็โดนเค้าว่าว่า.. “โห.. แผลเป็นเต็มเลย เป็นสก๊อยมาก่อนรึเปล่าเนี่ย??” – -” ณ จุดจุดนั้น คิดว่า คงไม่ได้แล้วแหละ เหอๆๆ แล้วก็มีคำถามทั่วๆ ไปค่ะ เช่น “จบไฟแนนซ์ ธรรมศาสตร์ เกียรตินิยม?? มาทำแผนกไฟแนนซ์กะพี่เถอะ คิดดีแล้วเหรอ เป็นแอร์เนี่ย ฯลฯ” และเท่าที่คุยกะพี่รุ่นเดียวกันเค้าก็เล่าให้ฟังว่าโดนคำถามประมาณว่า “สะโพกขนาดนี้เดินผ่าน aisle ได้เหรอ เดี๋ยวก็ชนผู้โดยสารหรอก” (คือพี่เขาสะโพกใหญ่) 5555 เขาคงถามคำถามประเภทที่จี้ใจดำน่ะค่ะรอบนี้

ป.ล. วันก่อนวันไฟนอลเราเพิ่งเลิกกะแฟนค่ะ ชีวิตมันเฮงซวยมาก วันนั้นเลยไม่ได้คาดหวังอะไรเท่าไหร่

แต่สุดท้าย เราก็ได้มาทำงานที่นี่ ได้ใส่ชุดแดงๆ ติดปีกแบบนี้ 🙂

สำหรับใครที่มีความใฝ่ฝันอยากเป็นแอร์ ก็ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ แต่งานเบื้องหลังมันไม่ได้สวยหรูอย่างที่เห็น มันมีมุมมืด และเรื่องแย่ๆ อีกมากมายที่ต้องพบต้องเจอระหว่างการทำงานค่ะ ^^ เหมือนเหรียญที่มีสองด้านฉันใดก็ฉันนั้น

[Review] ผัดไทยแอร์เอเชีย

วันนี้ กตน ได้ลิ้มลองรสชาติผัดไทยที่ขายบนไฟลท์แอร์เอเชียแล้วค่ะ!!

เมนูใหม่เดือนตุลาคม 2554 เป็นชุดผัดไทยกุ้งสดพร้อมโค้กหนึ่งกระป๋อง ขายในราคา 160 บาทค่ะ (ปกติอาหาร 130 บาท โค้ก 60 บาท)

หน้าตาในเมนู น่ากินไม่น้อย.. แต่นั่นมันเป็นแค่ภาพเพื่อการโฆษณา ฮ่าๆๆๆ

เรามาดูของจริงกันดีกว่า 😀

หน้าตาน่ากินใช้ได้เลยนะคะ 😀 เราไม่โปรเรื่องการรีวิวอาหาร เลยไม่ขอให้คะแนน หน้าตา/รสชาติ/ราคา ละกันค่ะ แต่จะอธิบายแทนเนอะ

เนื่องจากมันเป็นอาหารบนเครื่องบิน ซึ่งเป็นอาหารแช่แข็ง อย่างผัดไทยอันนี้ตูนเป็นคนอุ่นเอง ร้อนๆ หน้าตามันก็จะยังน่ากินอยู่ค่ะ แต่ถ้าคุณโชคร้ายหน่อย ซื้ออันที่มันอุ่นไว้นานแล้วโดน reheat มา เส้นมันอาจจะออกแห้งๆ กว่านี้เล็กน้อย

จากรูปจะเห็นได้ว่า เป็นเส้นจันท์นะคะ มีถั่วงอก กุยช่าย เต้าหู้ ถั่วคั่ว หัวไชโป๊ มีครบค่ะ กุ้งแก้วเป็นตัวๆ มีประมาณ 4 ตัว

รสชาติเนี่ย เหมือนปรุงมาให้แล้วเสร็จสรรพ เผ็ดพริกป่นแล้ว เปรี้ยวมะนาวแล้ว หวานเล็กน้อยกำลังงาม ไม่ต้องขอพริก น้ำตาล มะนาวเพิ่มเติมแต่อย่างใด ^^ (ซึ่งจะก่อปัญหาให้แอร์อย่างมาก เพราะไม่มีเครื่องปรุงให้ค่าา)


ถึงรสชาติจะอร่อยเมพ (เราว่าอร่อยกว่าร้านผัดไทยหลายๆ ร้านอีกนะคะ) แต่ส่วนที่เราไม่ชอบคือ เส้นมันจะออกแข็งๆ เล็กน้อย เหมือนเวลาผัดแล้วใส่น้ำน้อยไปหน่อยนึง คือเส้นไม่เละ (ส่วนตัวชอบเส้นชุ่มๆ นิ่มๆ) แต่ไม่จัดว่าแข็งนะคะ จัดว่าโอเคทานได้ค่ะ และจุดเสียอีกอย่างคือ มัน “มัน” ไปหน่อย ดูจากรูปทางขวานะคะ ทานเสร็จแล้วมีน้ำมันติดก้นจานเต็มเลย – -” ทำให้นึกถึงแคลอรีส์ที่ทานเข้าไป Orz แต่ว่ามันก็เป็นธรรมดาของผัดไทยทุกร้านแหละเนอะ

โดยรวม ตูนชอบค่ะ ชอบมากเลยด้วย เพราะอร่อยจริงๆ รับประกันเลยค่าาา ถ้ามีโอกาสขึ้นเครื่อง อยากให้ลองซื้อทานกันค่ะ ^^