การที่เราทำงานเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินนั้น ในแต่ละวันเจอผู้คนเป็นร้อยๆ
เจอเพื่อนร่วมงานอีกสามคน เจอนักบินอีกสองคน เจอพี่ๆ วิศวกร พี่ๆ อินไฟลท์ พี่ๆ แรมป์ ฯลฯ
เรื่องราวต่างๆ ในแต่ละวัน มันก็แตกต่างกันไป
ทำงานมาได้ 6 เดือน เจออะไรหลายอย่างเยอะแยะ มีทั้งทุกข์ทั้งสุข ทั้งสนุก ทั้งขำ ทั้งเครียด ทั้งเบื่อ ^^”
entry นี้ ขอให้เป็น Intro ก็แล้วกัน
ก่อนอื่น เราจะอธิบายลักษณะการทำงานของบริษัทเราโดยคร่าวๆ นะคะ
ลักษณะเส้นทางการบิน จะเป็นบินไปแล้วบินกลับ (2แลนด์) หรือ ไป-กลับ-ไป-กลับ (4แลนด์)
ไม่มีการนอนค้าง ได้เที่ยว เหมือนที่คุณๆ คิดว่า “เฮ้ย เป็นแอร์ดีอะ ได้เที่ยวด้วย“..
….. เปล่าค่ะ คุณคิดผิดแล้ว ดิฉันไม่ได้เที่ยว – -” สมมติ ไปมาเก๊า ประมาณเกือบๆ 3 ชม. ไปถึงก็ได้เหยียบพื้นมาเก๊าประมาณ 5 นาที แล้วก็บินกลับค่า~ เลิศปะละ
เพราะ destinations ของบริษัทเรา ไม่ได้ไกลมากขนาดที่ต้องให้ลูกเรือพักผ่อนก่อนกลับประเทศน่ะค่ะ 🙂
ซึ่งการทำงานแบบนี้มันก็มีข้อดีคือ ได้กลับบ้านทุกวัน หลังเลิกงานก็ยังสามารถไปลัลล้ากับเพื่อนๆ ได้ทุกวันค่ะ เหมาะสำหรับคนผู้มีบ่วงในกรุงเทพ คือ มีครอบครัว หรือติดเพื่อน หรือมีเปิดร้าน/ธุรกิจไว้ หรือเรียนเสริม อะไรประมาณนี้เนาะ 😀
ต่อมาเราจะมาแนะนำศัพท์เฉพาะที่ใช้เรียกในวงการบริษัทเรานะคะ
- พี่เอ็นจี้ ย่อมาจาก Engineer ก็คือพี่ๆวิศวกรนั่นเอง
- พี่อินไฟลท์ คือพี่ๆ ที่คอยดูแลเรื่องของต่างๆ บนเครื่อง ทั้ง Food&Beverage, Souvenir Items, Amenities ฯลฯ
- พี่แรมป์ คือ พี่ๆ ที่มีหน้าที่ลำเลียงสิ่งของเข้าออกเครื่อง พวกกระเป๋าของผู้โดยสาร และ cargo แหละค่ะ
- cockpit คือ นักบิน ได้แก่กัปตัน และนักบินผู้ช่วย(FO)
- ไม้ เป็นศัพท์ใช้เรียกแทน “ผู้ชาย” เช่น เย็นนี้จะไปกินข้าวกับไม้ = เย็นนี้จะไปกินข้าวกับแฟน(หรืออาจไม่ใช่แฟนก็ได้ แต่ระบุว่าเป็นผู้ชาย)
- บลาย ที่มา มาจากคำว่า blind มักใช้พูดเวลาอะไรสักอย่างใช้การไม่ได้ หรือจะจบอะไรสักอย่าง เช่น วันนี้ห้องน้ำบลายมาก = วันนี้ห้องน้ำแย่มาก, วันนี้หน้าชั้นบลายมาก = วันนี้หน้าชั้นอุบาทว์มาก เป็นต้น หรือว่า ก็ถ้าเข้ากันไม่ได้ ก็บลายกันไปเถอะแก = ก็ถ้าแกเข้ากันไม่ได้ ก็เลิกๆกันเหอะ
เรื่องของเรื่อง.. เคยอัพไปแล้วเกี่ยวกับไฟลท์ดีเลย์ ว่าเกิดจากอะไรยังไงบ้าง
มีอยู่วันหนึ่ง ผู้โดยสารชาวมาเลย์(เชื้อชาติจีน) เป็นผู้หญิงเด็กๆหน่อย 2 คน ทำพิษเครื่องดีเลย์
เนื่องจากพอ board เสร็จ เช็คดูพบว่ามีผู้โดย 1 คน ไม่มาโชว์ที่เกท คือ เช็คอินแล้ว แต่ไม่มาที่เกท (บางคนช็อปปิ้งเพลินเนาะ) เช็คแล้วเป็นเพื่อนกับผู้โดยจีนสองคนนั้น ก็เลยมาถามเขาว่า เพื่อนยูไปด้วยมั้ย เค้าก็บอกว่า เพื่อนไอไม่ไปแล้ว
พวกเราก็.. โอเค้! เครื่องเตรียมออกได้ Offload 1 คน กระเป๋า 1 ใบ (คือ มีกระเป๋า 1 ใบ ตามชื่อของคนที่ไม่มา)
เธอสองคนก็บอกว่า กระเป๋าเอาออกไม่ได้นะ!! ในนั้นมีของของพวกชั้นอยู่!!
เอาล่ะสิ… งานเข้า
คุณๆ ลองคิดดูสิ.. ควรจะให้กระเป๋าของคนที่ไม่อยู่บนเครื่องมาด้วยไหม? มาแต่กระเป๋า ตัวไม่มา… ถ้าเกิดเป็นระเบิด? เป็นสารเสพติด? เป็นสารอะไรสักอย่าง? จะทำไงอะ?
เถียงกันอยู่นานมากมาย จาก early กลายเป็น delay อารมณ์เสีย
ไม่มีแอร์ ไม่มีนักบิน คนไหนอยากให้เครื่อง delay หรอกนะคะ ใครๆ ก็อยากรีบทำงานให้เสร็จเร็วๆ จะได้รีบกลับบ้านกันทั้งนั้น
เรื่องของเรื่อง กลุ่มนี้ เขาซื้อน้ำหนักกระเป๋าไว้ที่ชื่อของเพื่อนคนที่ไม่มาคนนั้น เขาก็เลยให้เพื่อนเขามาเช็คอิน โหลดกระเป๋าให้
แต่ว่าตามหลักความปลอดภัย อย่างที่บอกไปแล้ว มันไม่ได้ไง
เคสนี้สุดท้ายจบด้วยการที่เธอยอมจ่ายค่าโหลดกระเป๋าในนามของตัวเอง แล้ว GS (Ground Staff) ก็ไปเปลี่ยนชื่อ tag กระเป๋าให้
หลายๆ คนอาจคิดว่า ก็ทำซะแต่แรกสิ ไม่เห็นยาก ก็เขาเป็นเพื่อนกัน
อยากตอบว่า มันไม่ได้หรอกค่ะ งานที่ concern ความปลอดภัยแบบนี้ ไม่มีหลักฐานอะไรทั้งนั้น เกิดเจ้าของกระเป๋าเขาเป็นของผู้โดยคนที่ไม่มาจริงๆ แล้วเขาไม่ยินยอม จะทำยังไง? ความผิดก็ตกอยู่ที่ staff สิคะ? ทำงานสมัยนี้ก็ต้อง safe ตัวเองเนอะ
เอาเป็นว่า ผู้โดยสารที่จะขึ้นเครื่อง ก็ทำอะไรให้มันถูกต้อง ทำให้มันตามเวลา ทุกๆ อย่าง จะได้ราบรื่นตาม schedule ^^ ช่วยๆ กันเนอะ 🙂