ช่วงวันหยุดแรงงานที่ผ่านมา มนุษย์เงินเดือนอย่างเรา ก็ต้องไปเที่ยวสิคะ
ทริปนี้เราเลือกไปโซนฟุกุโอกะ เป็นโซนที่ไม่เคยไป และก็มีหลายเมืองน่าเที่ยวเหลือเกินนนน ภายในเวลาอันจำกัดของเรา ทริปเราจึงออกมาเป็น Fukuoka – Kumamoto – Nagasaki – Fukuoka ค่ะ
แต่ แต่ แต่ ช่วงกลางเดือนเมษาที่ผ่านมา คุมะโมโต้ หรือเมืองคุมะมงของเรานั้น เกิดเหตุแผ่นดินไหวจนไม่กล้าเสี่ยง โดยในทริปคุมะโมโต้ เราได้ใส่ Mt.Aso หรือภูเขาไฟอะโสะเข้าไปในแพลนด้วย จึงทำให้เราต้องแคนเซิลคุมะโมโต้ไป
ที่เกริ่นมาไม่เกี่ยว แค่อยากเล่า 5555 เอาเป็นว่า Nagasaki ไม่ได้มีแค่ Huis Ten Bosch (สวนสนุกธีมฮอลแลนด์), Atomic Bomb (เหตุการณ์โดนระเบิดปรมาณูในช่วงสมัยสงครามโลก), หรือ Inasayama (ยอดภูเขา Inasa ที่เค้าว่าเป็น 1 ใน 3 จุดชมวิวกลางคืนที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น)
แต่เราจะพาทุกท่านไปรู้จักกับ “Nagasaki Bio Park” (長崎バイオパーク) สวนสัตว์แห่งหนึ่งนั่นเองงง
จากการหาข้อมูล เราไม่เจอรีวิวภาษาไทยเลย (อาจจะหาไม่ดี) แต่ช่วงที่หาข้อมูลท่องเที่ยวนางาซากิ เราก็เสิร์ชสวนสัตว์ไปด้วย เนื่องจากเป็นคนชอบเที่ยวสวนสัตว์มากกกกก :3 ก็เลยมาเจ๊อะกับที่แห่งนี้ รวมถึงช่วงนี้กำลังบ้า Capybara ที่เป็นตัวละครหลักของไบโอปาร์คอยู่พอดี ก็เลยจัดโปรแกรมใหม่ ชั้นจะไปไบโอปาร์คให้ได้!
วันและเวลาทำการ
9:00 – 17:00 เปิดตลอด 365 วัน
ราคา
เฉพาะ Bio Park
- ผู้ใหญ่ 1,700 Yen
- เด็ก 13-17 ปี/ผู้สูงอายุ 1,100 Yen
- เด็ก 3-12 ปี 800 Yen
Bio Park + Pet Animal World (โซนสัตว์เลี้ยง)
- ผู้ใหญ่ 2,000 Yen
- เด็ก 13-17 ปี/ผู้สูงอายุ 1,400 Yen
- เด็ก 3-12 ปี 1,100 Yen
Pet Animal World อย่างเดียว 500 Yen ทุกช่วงอายุ
วิธีการเดินทาง
จากการหาข้อมูลที่ biopark.co.jp เค้าบอกว่า มี Free Shuttle Bus จาก Huis Ten Bosch วันละ 3 รอบค่ะ ซึ่งถ้าใครพักแถวนั้นก็ถือว่าสะดวกเลย หรือว่านั่ง JR ไปที่สถานี HTS ก็ยังได้เลยค่ะ เพียงแต่กว่าเราจะไปถึง HTS ก็อาจจะได้ขึ้น Shuttle Bus รอบ 10:55 แล้วใช้เวลาประมาณ 40 นาทีในการเดินทางถึงไบโอปาร์คค่ะ

ข้อมูลจาก biopark.co.jp ณ วันที่ 9 พ.ค. 59
แต่ส่วนตัวเราพักอยู่แถวสถานีรถไฟ Nagasaki และช่วงเย็นเรามีแพลนจะไปเดจิมะ กับ Glover Garden ต่อ จึงต้องการไปสวนสัตว์ให้เช้าที่สุด จึงเลือกวิธีนั่งรถบัสไปจากหน้าสถานี Nagasaki เลย
วิธีค้นหารอบรถบัสคือ http://www.nagasaki-bus.co.jp/dia-search/index.php เข้าที่นี่ค่ะ ต้องพิมพ์ภาษาญี่ปุ่นลงไปในช่องแรกว่า 長崎駅前 (Nagasaki ekimae) ส่วนช่องปลายทาง ใส่ว่า バイオパーク (Bio Park) แล้วก็ใช้ Google Translate แปลเอาเลยค่ะ เลือกวันธรรมดา หรือวันหยุด รวมทั้งใส่เวลาที่เราต้องการลงไป
จากรูป ครึ่งบนเป็นผลเสิร์ชภาษาญี่ปุ่น แล้วพอกด translate ก็ได้ตามครึ่งล่างค่ะ — นั่นคือใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 21 นาที รถบัสออกจาก Nagasaki เวลา 8:08 ถึง Bio Park 9:29 ค่ารถ 790 เยน หัวรถบัสจะเขียนว่าไป Ogushi (大串) นั่นเองค่ะ
หรือ ดูจากไฟล์ตารางรถบัสนี้นะคะ
โดยสายที่เราจะไปคือ Togitsu – Kinkai – Ogushi
วิธีดูตารางก็ตามแบบในรูปเลยค่ะ รอบที่เราเลือกไปคือ ออก 8:08 นั่งบัสตรงยาว ถึงไบโอปาร์ค 9:29 หรือถ้าใครไม่อยากไปเช้ามาก ก็สามารถเลือกไปรอบ 9:56 แล้วไปเปลี่ยนรถที่ปลายทางตอนเวลา 10:43 แล้วขึ้นบัสใหม่ที่มุ่งหน้าไปไบโอปาร์คตอน 10:45 ได้เช่นกันนะคะ
ส่วนรอบเวลาขากลับก็จะอยู่ในส่วนครึ่งหลังของไฟล์ตารางรถเช่นกันค่ะ แค่ดูเวลาที่เริ่มออกจากไบโอปาร์คเพื่อกลับนางาซากิเท่านั้นเอง
ป้ายรถบัสไม่ได้ถ่ายรูปมา แต่จะเป็นเกาะกลางถนนที่หน้าสถานีรถไฟ Nagasaki ค่ะ วิธีสังเกตรถบัสคือ ที่หน้ารถบัสจะเขียนว่า 時津北部ターミナル・琴海・大串線 ให้เราคอยสังเกตตามนั้น หรือตรงเสาๆ ป้ายรถบัส จะมีตารางรถบัสติดอยู่ค่ะ ก็พยายามหาอันที่เป็น 時津北部ターミナル・琴海・大串線 ที่มีรอบเวลาตรงกับที่เราหามา
อันนี้ต้องขออภัยเรื่องวิธีการเดินทางนิดนึง เพราะตอนนั้นก็สติแตกอยู่เหมือนกัน กลัวหารถบัสไม่เจอ เลยไม่ได้ถ่ายรูปอะไรมาเท่าไหร่ เราถามคนญี่ปุ่นแถวนั้นว่าเราจะไปไบโอปาร์ค รอบเวลา 8:08 แล้วยื่นใบตารางรถบัสให้เค้าดู (ในตารางรถบัสจะไม่มีหมายเลขบัส) เค้าก็ช่วยบอกเราว่ารถบัสเบอร์อะไร (คือ บัสเบอร์ 1 วิ่งผ่านมาเยอะมาก แต่ว่าแต่ละคันวิ่งคนละเส้นกัน ต้องดูที่ตัวอักษรญี่ปุ่นบนหัวรถบัส) ดูตารางที่เสายังไง (ตารางที่เสา จะบอกหมายเลขรถบัส) ให้รอที่เสาไหนค่ะ (คือตรงป้ายรถบัส จะมีเสาอยู่ 3-4 เสา แล้วแต่ละสายจะจอดคนละเสากัน)

รถบัสเก่าบุเรงนองนิดนึง แต่มีแอร์นะ
ถึง Bio Park แล้ว!
พอลงรถบัสที่ไบโอปาร์คแล้วก็เดินมาทางซ้ายมือค่ะ จะเจอทางเข้า ดูยิ่งใหญ่ซาฟารี อลังการมาก มีเจ้านกแก้วมาคอว์และลามะคอยต้อนรับอยู่ด้านหน้า
ส่วนซ้ายมือเลยไปอีกหน่อย จะเห็นป้าย PAW สีเหลืองใหญ่มากๆ อยู่ อันนั้นเป็นโซน Pet Animal World ค่ะ
ตารางค่าตั๋วค่ะ ผู้ใหญ่ ถ้าเข้าเฉพาะไบโอปาร์ค อยู่ที่ 1,700 เยน ถ้ารวม PAW ด้วยจะอยู่ที่ 2,000 ซึ่งเราซื้อแบบ 2,000 ค่ะ
อันนี้เป็นตารางพักของน้องหมาและแมว น้องหมาคือช่องด้านซ้าย ส่วนน้องแมวคือช่องด้านขวา ถ้าเราเข้าโซน PAW ในช่วงเวลานั้นๆ หมา/แมว จะถูกเอาไปเก็บพักไว้ ตอนแรกเราเข้าใจผิด คิดว่าช่วงเวลานี้คือช่วงเวลาที่เล่นหมาได้ หรือเล่นแมวได้ 😦 ก็กะเวลาว่าจะออกมาตอนบ่ายครึ่งเพื่อเล่นแมว – – โถ่
ไกด์แมปของที่นี่ค่ะ มีภาษาอังกฤษด้วย แต่ว่าเป็นแบบขาวดำวาดแผนผังง่ายๆ ส่วนตัวเราเลือกดูสีๆ ของภาษาญี่ปุ่นเอา 55 มีความน่ารักกว่า
ตรงทางเข้าจะเจอกะปิตัน (คาปิตัน) เป็นคาปิบารา มาสคอตของที่นี่คะ
เข้ามาปุ๊บก็เจอร้านของฝากก่อนเลยยยยย มีไอเท็มคาปิบาราเต็มไปหมด เพราะเป็นไฮไลท์ของที่นี่จริงๆ ค่ะ
ที่นี่เค้าจะมีจุดถ่ายรูปหลายๆ จุดให้เราค่ะ โดยเค้ามีแท่นวางโทรศัพท์ให้เลย เป๊ะมากๆ รวมถึงจากในรูปด้านล่างจะเห็นว่าที่นี่ wheelchair friendly ค่ะ มีทางรถเข็นเกือบตลอด
ถ่ายออกมาก็ดูโอเคนะ 😀
เดินเข้ามาตอนแรกก็เจอบ่อน้ำกว้างใหญ่ค่ะ แล้วก็มีเจ้านกพวกนี้อยู่
แล้วเดินมานิดนึงก็เจอคอกลามะ (Llama) เฟรนด์ลี่มากลูบหัวได้
ตรงข้ามคอกลามะ เป็นสนามมาราค่ะ (Pantagonian Mara) ที่ไบโอปาร์คนี้จะไม่ค่อย Informative ลงดีเทลมากว่าสัตว์นี้เป็นยังไง ขนาดเท่าไหร่ ฯลฯ คือเค้าจะมีป้ายสรุปเล็กๆ ที่ด้านหน้าว่า มาจากทวีปไหน กินอะไรเป็นอาหาร ประมาณนี้ค่ะมีตู้อาหาร 100 เยน แล้วบิดแบบกดกะชะปองเลยค่ะ พอให้อาหารเสร็จแล้วก็เอาแคปซูลมาหยอดเก็บในช่องข้างๆ ตู้
เล่นกับมาราสนุกสนานแล้วก็ไปต่อค่ะ
เข้ามาใน Amazon Dome ค่ะ มีดอกไม้ต้นหญ้าต่างๆ แล้วก็มี Fruit Bat ด้วย
ออกจากโดมมาก็เห็นคนมุงอะไรเยอะแยะ ตรงโซนนี้จะดูเป็นป่ามากๆ เลยค่ะ เหมือนเดินป่าพื้นปูนเลย
สาเหตุคือ เจ้า Lemur นั่นเองค่ะ
ตรงนี้เรามองว่าหลายคนอาจดราม่าสวนสัตว์ว่าทำให้สัตว์ติดขออาหาร แต่ส่วนตัวเรามองว่าสัตว์ในสวนสัตว์ก็เป็นอย่างนี้อยู่แล้ว แค่รออาหารจาก จนท. หรือจากนักท่องเที่ยวเท่านั้นเองค่ะ เค้าไม่ใช่สัตว์ป่าอีกแล้ว เค้ากลายเป็นสัตว์เลี้ยง
เราเองก็เสีย 100 เยนให้เจ้า Lemur เหมือนกัน ดึงมือเข้าไปกินเลยนะ มือนิ่มมาก
ถัดจาก Lemur ก็เจอเพนกวินว่ายน้ำอยู่ตัวนึง อันนี้น่าสงสารจริง น่าจะเหงาอะ
แขกที่นี่เป็นครอบครัวชาวญี่ปุ่นซะ 90% เลยค่ะ มาพร้อมคุณตาคุณยาย รถเข็นเด็ก เราเจอครอบครัวชาวต่างชาติแค่บ้านเดียวเองค่ะ แล้วก็มีเรา 5555
บีเวอร์หางใหญ่
เดินมาสักพักก็ถึงบ่อฟลามิงโก้ค่ะ
มีอาหารฟลามิงโก้ขายด้วย ส่วนตัวเราขอบาย เพราะเราไม่ใช่ #ทีมนก ค่ะ
นกแก้วมาคอว์ก็เดินผ่านเฉยๆ ค่ะ กลัววว จริงๆ เหมือนจะมีบ้านแมลงแถวๆ นี้ด้วยค่ะ แต่ไม่ได้แวะเข้า ไม่ใช่ #ทีมแมลง เช่นกัน
และแล้วเราก็มาถึงจุดพักทานข้าววววว มีโต๊ะนั่งทั้งด้านนอกและในห้องแอร์ค่ะ มีร้านไอติมด้วย
มีห้องเปลี่ยนผ้าอ้อมขนาดใหญ่เลยแหละ สมแล้วที่เป็น Family friendly
ส่วนของร้านอาหารชื่อ Quena ค่ะ เราไปสั่งและจ่ายเงินที่ด้านซ้าย (ก่อนเข้าไปสั่งจะมีป้ายเมนูอาหารพร้อมภาพประกอบอยู่ค่ะ) ส่วนตัวเราสั่ง Karekatsu หรือข้าวหมูทอดราดแกงกะหรี่นั่นเอง ราคาประมาณ 800 เยน ไม่แพงมากเลยค่ะ พอจ่ายเงินเรียบร้อย เค้าจะให้แท็กเรามา ให้เราเอาแท็กไปยื่นตรงช่องอาหาร เช่น ถ้าเราสั่งอุด้ง ให้ไปรับอุด้งที่ช่องสีขาว (ตามรูป) เป็นต้นค่ะ
กำลังรอคุณป้าตักข้าวให้อยู่ มีสลัดมันฝรั่งให้ด้วย 😀
ทาด๊า~ น่ากินและอร่อยมากๆๆ ตักผักดองได้เองค่า คุณป้ามองเราใหญ่เลยว่าจะตักเยอะไปไหนวะ 555
ไก่ทอดร้อนๆ~
มีตู้กดน้ำทานได้ฟรีค่ะ ปุ่มสีฟ้าคือน้ำเปล่า สีแดงคือน้ำร้อน สีเขียวคือน้ำชาค่ะ
มีผ้าเย็นเช็ดมือให้ด้วย และสามารถนำเก้าอี้เด็กไปใช้ได้เลย
พอออกมาด้านนอกก็พบว่ามีชุดตกกุ้งให้เช่าค่ะ เด็กๆ เอ็นจอยกันใหญ่เลย แต่เราขอบาย
เดินถัดมาอีกนิดก็พบคอกแพะภูเขาค่ะ ลูกแพะน่ารักมากกกก
สมเสร็จก็มีนะ (คิดว่าใช่)
และแล้วก็มาถึงไฮไลท์ค่าาา คาปิบารานั่นเองงงงป๊อปปูลาร์มากค่ะ
รูปนี้คุณแฟนแอบถ่ายค่ะ แต่เอ๊อะ.. ทำไมทรงก้นออกมาเหมือนกันเลย
กินมั้ยๆๆ จะแกะแคปซูลอาหารละนะ
ในกลางโซนคาปิบารานั้นเอง กล้องเราก็ได้ตายจากไปค่ะ เมื่อคืนลืมชาร์จแบต – – จริงๆ แล้วที่นี่มีออนเซ็นคาปิบาราด้วย แต่ช่วงนี้เค้าไม่ได้เปิดน้ำไว้ในบ่อ ไม่รู้ทำไม อดเลยยยยยยย
คาปิบาราร้องได้ด้วยนะ เอ็นดูมากกกก >w<
ใช้เวลากับคาปิบาราพอสมควรค่ะ แล้วก็ออกมาเดินต่อ มีสัตว์ต่างๆ มากมายสกังค์
Otter
Southern Coati
สมเสร็จอีกสายพันธุ์นึง
Meerkat ให้อาหารได้ด้วยนะ เป็นหนอนสดๆ – – ขอบายค่า
อัลปาก้า
บ่อแรคคูนค่ะ เจอสองคู่กำลังผสมพันธุ์กันด้วย แหม่
บ่อเม่น นี่ก็หลับซุกกัน
บ่อเต่า เต่าเยอะมากกกก มากจนเหมือนเห็บหมาเลย
พี่ยี่ราฟ มีตัวเดียว คงจะเหงาอะ
นกกระจอกเทศ อยู่กับม้าลายในคอกค่ะ พื้นที่คอกค่อนข้างเล็ก อันนี้เราก็สงสารเค้าเหมือนกัน
จากนั้นก็เข้ามาในโซนลิงค่ะ ซึ่งจะมีลิง ลีเมอร์ และก็นกยูงอยู่ในโซนปิดนี้รำแพนให้ดูพอดีเลย
ลิงนี่นิสัยไม่ค่อยดีค่ะ มาเกาะ ขออาหาร ทั้งโซนเลย – -“
ข้อดีของสวนสัตว์นี้คือให้เราสัมผัสสัตว์ได้ แต่ทุกๆ จุดที่มีสัตว์ให้สัมผัส เค้าก็มีอ่างล้างมือพร้อมสบู่ให้ค่ะ
จากนั้นเราก็เข้ามาในโซนของจิงโจ้!
ตอนแรกเห็นนอนๆ ก็น่ารักดี พอยืนเท่านั้นแหละ กลัวค่าาาาา กล้ามใหญ่ไปไหนนนนแต่ตัวที่นอนอยู่ก็ยังดูน่ารักนะ ขอเซลฟี่ด้วยหน่อยน้า~ ขนตาพริ้มจริง
เสร็จจากโซนจิงโจ้ก็ใกล้จะหมดแล้วค่ะ บ่อฮิปโปคืออ้าปากขอกินผักตามเคย
ผ่านบ่อปลาอะเมซอน คือน่ากลัวมากสุดท้ายก่อนออกคือเจอเจ้าหนู Prairie Dog ตัวเล็กๆ น่าร้ากกกก
เสร็จแล้วเราก็จะออกมาที่ทางออกเดิมค่ะ ผ่านจุดที่มีร้านขายของที่ระลึก ก็ซื้ออะไรติดมือมานิดหน่อย แล้วเราก็เดินไปที่โซน PAW ค่ะ เพื่อจะเล่นหมา/แมว แต่ปรากฏว่า เรา-ทำ-ตั๋ว-หาย 5555555555 เพราะถอดๆ ใส่ๆ เสื้อ อากาศมันร้อนอะค่ะ ก็เลยหายไปตอนไหนไม่รู้ อด! แล้วเวลาที่แพลนว่าจะกลับก็ใกล้เข้ามาแล้ว ก็เลย เออไม่เป็นไร ไปนั่งรอรถบัสก็ได้
ในโซน PAW อย่างที่บอกไปตอนแรกว่าตารางที่ติดตรงเคาน์เตอร์ขายตั๋วคือเวลาพักของหมาแมว แต่เราไปส่องๆ ดูจากด้านนอกแล้วคือ มีกรงกระต่าย มีพวกสัตว์เลื้อยคลานประเภทอีกัวน่า อะไรแบบนี้ให้เล่นด้วยน่ะค่ะ ส่วนหมากะแมวคือเป็นสไตล์คล้ายๆ คาเฟ่หมา/แมวค่ะ
พอไม่ได้เข้าไปโซน PAW แล้วก็เลยเดินย้อนกลับไปทางที่ขึ้นรถบัส ก็เห็นอะไรบางอย่าง
ข้างในนี้มีของกิน และขนมขายค่ะ เลยได้เจ้านี่ติดมือมา คาปิบาระโดนัท ราคา 200 เยนเท่านั้น คุณป้าคนขายใจดีมาก น่ารักกกก บอกให้เรารอ 30 นาทีแล้วค่อยกิน เพราะโดนัทมันเป็นโดนัทแช่อยู่ในตู้แช่น่ะค่ะ ไม่ใช่ทำสด คุณป้ายังบอกอีกว่า อันนี้เป็น Original ของ Bio Park เลยนะ
แล้วเราก็เดินมารอรถบัสที่ป้ายค่ะ มีตารางเวลารถบัสบอกด้วย (ซึ่งไม่ได้ถ่ายรูปมาอีกแล้ว) รถบัสที่เห็นในรูป เป็น Shuttle Bus ที่จะไปส่งที่ Huis Ten Bosch ค่ะ ส่วนบัสที่เรารอก็เป็นรถบัสบุเรงนอง 5555
รอบขากลับ เรากลับรอบ 13:34 ไปเปลี่ยนบัสที่ Togitsu Terminal ค่ะ ไม่ยากเพราะว่าเป็นสุดสายของคันที่ขึ้น แล้วค่อยขึ้นคันใหม่ที่ไป Nagasaki Eki มีมากมายเต็มไปหมดค่ะ 😀
โดยสรุปแล้วเราชอบที่นี่มาก เพราะว่าได้สัมผัสกับสัตว์จริงๆ ค่ะ สำหรับเด็กๆ น่าจะเป็นการเรียนรู้ธรรมชาติที่ดีเลยทีเดียว แต่ข้อเสียก็อย่างที่เขียนไปด้านบนค่ะ คือสัตว์เค้าค่อนข้างเสียธรรมชาติของเค้า (แบบเดียวกับสวนสัตว์อื่นๆ) และสัตว์บางประเภทก็อยู่ตัวเดียวและกรงแคบไปหน่อยค่ะ น่าสงสาร (เช่น ยีราฟ/เพนกวิน มีตัวเดียว ส่วนนกกระจอกเทศมีพื้นที่เล็กมาก) ก็คงเป็นเพราะไฮไลท์ของเค้าอยู่ที่สัตว์เฟรนด์ลี่ที่จะให้คนเข้าไปเล่นได้ (มารา คาปิบารา จิงโจ้) ก็เลยเอาพื้นที่ให้สัตว์กลุ่มนั้นเยอะหน่อย
ขอจบการรีวิวยาวๆ ที่รูปยืดเยื้อเยอะแยะแต่เพียงเท่านี้ค่ะ ใครไปเที่ยวแถบฟุกุโอกะครั้งหน้าก็ลองพิจารณาใส่เข้าไปในโปรแกรมดูนะคะ ไม่ผิดหวังจริงๆ ^^
——————————————————
ติดตามคลิปน่ารักๆ ของเด็กๆ ในสวนสัตว์ได้ตามช่องทางเหล่านี้นะคะ
website: biopark.co.jp
twitter: twitter.com/ngsbiopark
vine: vine.co/ngsbiopark