Tag Archives: Banteay Srei

[Review] แบกเป้ไปเสียมราฐ 3วัน2คืน เที่ยวกินอยู่อย่างราชา

“See Angkor Wat and Die”

เป็นวลียอดฮิตจากนักโบราณคดีชาวอังกฤษ (กูเกิ้ลมา) เอาเป็นว่า.. ดันลาหยุดต่อเนื่องไว้หลายวัน จึงตัดสินใจว่า วันที่ 16-18 พ.ย. 55 นี้ เราจะไปเที่ยวนครวัด เสียมราฐ(เสียมเรียบ) แคมโบเดีย

เนื่องจากไม่มีความรู้อะไรเลย (นอกจากได้แรงบันดาลใจมาจาก Chapter 1 ใน Lara Croft: The Last Revelation) จึงทำการ search เบราๆ ได้ข้อมูลมาจากหลายๆ blog และ pantip

แต่ทัั้งนี้ทั้งนั้น แม้จะรู้สึกว่าเตรียมข้อมูลไปพอสมควร (ดูถูกการเที่ยวเองไปหน่อย) แต่พอไปจริงๆ แล้วก็จัดว่า “ง่าว” ในระดับนึง – –

ทริปนี้ไปกันสองคนค่ะ

ออกจากกรุงเทพ

เราเลือกที่จะเดินทางโดยรถบัสของบ่อนที่ปอยเปตค่ะ โดยเลือกขึ้น เฮงเฮงทัวร์ ของบ่อนแกรนด์ไดมอนด์ ซิตี้

รถบัสบ่อนนี้ มีหลายเส้น และของหลายบ่อน เลือกดูเอาตามสภาพของตนเองนะคะ ของเรา ขึ้นตอนตีห้า ที่หน้าบิ๊กซีบางนา เราไปถึงตั้งแต่ 04:30 แน่ะ แลเหมือนน่ากลัว แต่ที่จริงไม่เลย เรามีเพื่อนร่วมทางเยอะค่ะ ให้ตามอากงอาม่าอาอึ้มอาอี๊ไว้นะคะ กลุ่มนี้เขาเป็นขาประจำของบ่อน อย่างเรามาถึงเร็วไปแล้วหิวข้าวมากๆ ก็เดินข้ามสะพานลอย ข้ามถนนบางนาตราด ไปที่เซเว่นฝั่งตรงข้ามค่ะ

แนะนำว่าให้โทรติดต่อพี่ประจำรถก่อน จองที่นั่งไว้ พอขึ้นรถก็บอกว่า “หนูโทรไปเมื่อวาน จองไว้สองที่น่ะค่ะ” ที่นั่งที่จองไว้ก็จะอยู่ด้านหน้าๆ หน่อย ไม่เมารถด้วย

ค่ารถ 200 บาทต่อคน พร้อมน้ำเปล่า 1 แก้ว กินน้ำกินยาแก้เมารถเสร็จก็หลับไปยาวๆ คร่อกๆ

อ้อ.. พี่เค้าจะขอพาสปอร์ตเราไปติดสติ๊กเกอร์หมายเลขที่ด้านหน้าพาสปอร์ตด้วยค่ะ พอใกล้ๆ ถึงโรงเกลือจะมีเจ้าหน้าที่มาตรวจ ให้เราบอกหมายเลขอันนั้นไปค่ะ (ไม่รู้ว่าทำไปทำไมเหมือนกัน ก็ทำตามน้ำเขาไป)

ถึงโรงเกลือ อรัญประเทศ สระแก้ว

08:30 พอถึงโรงเกลือแล้ว  คุณจะพบว่า อาม่าอาอึ้มทั้งหลาย เดินเร็วมาก ราวกับมี Navigator อยู่ในตัว นั่นเป็นเพราะแถว immigration ค่อนข้างยาวนั่นเองค่ะ (ทุกคนต่างมุ่งหน้ามาปอยเปต) ให้เดินตามเขาไป แต่ถ้าไม่ทัน ให้มองหา KBANK กับ 7-11 ค่ะ เดินไปตรงระหว่างตรงนั้น ก็จะพบเจอ ด่าน ต.ม. ของไทย ไปถึงแล้วเข้าช่องพาสปอร์ตไทย หรือช่องที่คิวสั้นที่สุด

ผ่าน ต.ม. ไทยเสร็จ แล้วก็จะเป็นโซนระหว่างประเทศ ให้เราเดินบนฟุตบาทฝั่งขวาไว้ค่ะ เหตุผลคือ โซนนี้เป็นโซนเขมรสไตล์ คนเขมรเค้าขับรถเลนขวากัน เค้าก็จะติดเดินชิดขวา ถ้าเราไปเดินบนฟุตบาทฝั่งซ้าย เราก็จะเดินสวนกับคนอื่นค่ะ ไม่โฟลว

ระหว่างทางนี้ก็จะมีคนเขมรคอยมาอ้อร้อ ว่าจะไปไหน ยังไง มีรถหรือยัง (เพราะเราดูเป็นคนแปลกหน้า เป็นนักท่องเที่ยว ไม่ใช่คนมาเล่นบ่อน) ขนาดเราพยายามไม่คุยแล้ว ตาคนนี้มันคุยเก่งมากๆ จนเราเคลิ้มเออ ออ ไปกับมัน (ขนาดอ่านมาแล้วว่าให้ไปคุยกับคนขับแท็กซี่เองเลย อย่าผ่านคนอื่น) เราก็อือๆ ไม่ได้สนใจ จนเราเดินไปถึง บ่อน แกรนด์ ไดมอนด์ ซิตี้

เข้าไปข้างใน ที่ทางเข้ามาประตูสแกนวัตถุอันตราย ร้องดังลั่นเลย แต่ รปภ. ก็ให้ผ่านเข้าไปโดยไม่ตรวจอะไร (เป๊ะมาก) เดินตรงดิ่งเข้าไปสุด ข้างๆ ช่องฝากกระเป๋า คุณพี่ประจำรถบัส เขารออยู่แล้ว เขาจะคืนเงินให้ 100 บาท และรับคูปองทานข้าวของบ่อน

ให้เราฝากกระเป๋าไว้ แล้วเดินไปทางซ้าย จะมีห้องอาหารอยู่ เป็นบุฟเฟ่ต์แบบตามสั่งค่ะ คือ มีข้าวผัด ข้าวกะเพรา ข้าวพริกแกง ก๋วยเตี๋ยว ฯลฯ ให้สั่งกับพ่อครัว ที่นี่พูดไทยได้ค่ะ แวะเข้าห้องน้ำสักหน่อย โดยห้องน้ำจะอยู่ข้างๆ ห้องกินข้าว ซึ่งมันเยินและค่อนข้างสกปรก ให้เดินไปอีกฝั่งนึงใกล้ๆ กับประตูทางออกจะมีห้องน้ำอีกอัน ที่ต้องเดินขึ้นบันไดไปเดินอ้อม (ลองเดินหา หรือถามคนในนั้นดู) โซนนั้นจะเป็นโซนไม้ๆ ห้องน้ำเป็นประตูไม้ สะอาด ไม่ค่อยมีคนเข้า นั่งปลดทุกข์สบายใจเฉิบค่ะ

(ข้าวผัดหมู ข้าวผัดพริกแกงไก่ เกาเหลา ปาท่องโก๋)

สรุปว่า การเดินทางกับรถบ่อน ราคาแค่ 100 บาทเท่านั้น กินข้าวฟรี และหลับได้ตลอดทาง เย่

เข้าเขตกัมพูชา

09:30 ออกจากบ่อน เดินตรงไปอีก เลย true coffee ไป ก็จะเจอ ต.ม. ขาเข้า ของกัมพูชา ให้เขียนใบ ต.ม. ให้เรียบร้อยแล้วต่อแถว มีทำ finger scan ด้วยนะ ไฮเทคสุดๆ เบย

ออกจาก ต.ม. แล้วก็จะเคว้งมาก พระเจ้า คุณจะเห็นวงเวียนอันใหญ่ๆ อยู่ข้างหน้า

วิธีที่ถูกต้องคือ เดินไปตรงวงเวียนนั้น ถามคนที่ยืนอยู่ข้างๆ รถ Camry (แท็กซี่ที่นี่เป็น Camry หมดค่ะ มีทุกรุ่น รุ่นเก่า เก่ากว่า และเก่ามาก และจะไม่มีป้าย taxi นะคะ) ถามเค้าเลยว่า taxi?? Do you go to Siem Reap? How much? นู่นนี่นั่น ต่อราคากันไป เอาเป็นว่า ถ้าถูกว่า $40 ก็โอเคแล้วค่ะ ซึ่งน่าจะได้ในราคาประมาณ $30 นะคะ

แต่เดี๋ยวก่อน… ความซวยของเรามันบังเกิด คนเขมรคนนั้นเดินตามมาถึงนี่เลย แล้วบอกว่า ถ้ายูจะขึ้ัน bus ยูต้องขึ้น shuttle bus ไปที่ bus station ก่อนนะ แล้วซื้อตั๋วตรงนั้น (เราก็เชื่อนะ และคิดว่ามันก็ใช่แหละ นึกถึงสุวรรณภูมิ ที่ต้องนั่ง shuttle bus ไป bus station เหมือนกัน)

ตอนแรกเรากะจะ budget traveling เต็มที่ เลยคิดจะขึ้นรถบัสไป ข้อมูลที่หามา ก็หาจากบล็อกคนไทย ไม่ใช่ฝรั่ง คนไทยส่วนใหญ่นั่งแท็กซี่ค่ะ ก็เลยไม่ค่อยมีข้อมูลเรื่องรถบัส และผิดเองที่ไม่ได้หาข้อมูลให้ครอบจักรวาลไว้ พอไปถึงที่นั่น… คุณขา…. จะร้องไห้ บัสแม่งมีรอบเดียว บ่ายสามโมงค่ะ คือ ตอนนั้นเกือบๆ สิบโมงไง แล้วคือ เขารู้อยู่แล้วว่ามีรอบสามโมงรอบเดียว คือ มันหลอกกูมาที่นี่!! ก็เลยต้องขึ้นแท็กซี่กะมัน(เริ่มเรียกมัน -*- อารมณ์ขึ้น) ในราคา $40 แถมยังจะหลอกให้เราแลกจากเงินดอลลาร์ไปเป็นเงินเรียลอีกนะ โชคดีที่ชั้นหาข้อมูลมาเปร๊ะเรื่องเงินว่าให้ใช้ดอลลาร์ อย่าแลกเป็นเรียลเด็ดขาด

ตรง bus station ตรงนั้น เหมือนเป็นผูกขาด แท็กซี่ ของบริษัทเดียว คือจ่ายเขาไป $40 แต่เขาก็มีใบเสร็จออกให้เรียบร้อยนะ คือ เหมือนพวกบริษัททัวร์ที่ฟันเงินจากฝรั่งแพงๆ ในบ้านเราอะค่ะ ทำกันเป็นขบวนการเลยยยยย

ถึงเสียมราฐ

12:00 ถึงเสียมเรียบ (ขอเรียกว่าเสียมเรียบตามภาษาพูดละกันนะคะ) แท็กซี่คนนั้น ให้เราเปลี่ยนไปขึ้นแท็กซี่อีกคันนึง คนขับคนใหม่ ชื่อพี่ชัย พูดไทยได้ เคยทำงานที่ตลาดไท เขาบอกว่า “แท็กซี่คันนี้จะจอดแค่ตรงนี้ เดี๋ยวขึ้นของผม ผมไปส่งที่โรงแรมให้ฟรีไม่คิดตังค์” เราก็งงๆ แต่ก็โอเค ย้ายของเสร็จ เขาก็บอกอีกว่า “พูดตรงๆ นะ ที่ผมมาส่งพี่ ผมก็อยากได้งานน่ะครับ วันนี้จะไปไหนครับ ฯลฯ”

เราสองคนมองหน้ากัน แล้วก็แบบว่า… นะ

ไปถึงโรงแรม เช็คอินเสร็จเรียบร้อย ก็คุยกันว่าเอาไงดี ลองคุยราคาก่อนละกัน เพราะตอนแรกกะจะนั่งตุ๊กๆ ซึ่งตุ๊กๆ นั้นเรทต่อวันแค่ $15-$20 เท่านั้น

เอาเป็นว่า เรา negotiation skill ต่ำ และเป็นคนใจอ่อน

คือ จริงๆ แล้วเขาอยากเหมาจากเราสามวันเลย แต่วันที่สองเราจอง 1-day-tour ไว้แล้ว เขาก็เลยบอกว่าเสียดาย.. งั้นวันกลับให้คนของเขาไปส่งที่ปอยเปตนะ

สรุปโดนฟันไป 1500 ค่ะสำหรับวันแรกวันเดียวค่ารถในเสียมเรียบ เค้าบอกว่าบริษัทเค้ารับเงินแต่ไทย นู่นนี่นั่น เรามาคิดกลับ แม่ง $50 เลยนะ สองเท่าของตุ๊กๆ แต่ก็เป็นรถแอร์… ก็คงไม่แพงมากมั้ง

ส่วนวันกลับ คิด 1200 ก็เท่ากับ $40 เท่าขามา… ตอนแรกก็งงๆ เออ ออ กะเขาไป เท่ากับว่า 2700 ต้องจ่ายให้เขา แต่เรายังไม่จ่าย

เที่ยววันแรก: โตนเลสาป และดูพระอาทิตย์ตกที่พนมบาแค็ง

โตนเลสาป: นั่งแท็กซี่ไปโตนเลสาป ใช้เวลาประมาณ 20 นาที คือ ถนนไม่ค่อยดี ระยะทางประมาณ 15-20km เองมั้ง ค่าล่องเรือ คนละ $25 จ่ายเงินซื้อตั๋วเสร็จเขาจะพาไปขึ้นเรือส่วนตัว หมายความว่า เขาจะไม่พาเราไปรวมกับกลุ่มอื่น อย่างเราไปสองคน เขาก็พาเราขึ้นเรือเล็ก ไปกันสองคน มีคนขับ ไกด์ และเด็กผู้ชายอีกคนนึงค่ะ

โตนเลสาปก็คือ ทะเลสาบที่อยู่ตรงใจกลางกัมพูชานั่นแหละ ใหญ่มากมาย มีผู้คนอาศัยอยู่บนแพบ้าน คนส่วนใหญ่จน หาปลาเป็นอาชีพ และส่วนใหญ่จะเป็นคนเวียดนามที่อพยพมาตั้งแต่สมัยสงคราม

(สังเกตเด็กกำลังนวด และโปรดดูสีน้ำทะเลสาบ)

การล่องเรือใช้เวลาประมาณ 1:30 ชั่วโมง ระหว่างจุดเยี่ยมชมต่างๆ จะมีคนเวียดนามพายเรือพาลูกหลานมาขอเงิน “one dollar madam” ตลอดเวลา จะให้หรือไม่ให้ก็สุดจะแล้วแต่

(จุดแวะอีกจุด จะเป็นฟาร์มจระเข้เล็กๆ คุณจะได้จ้องตากับจระเข้แบบใกล้มากๆ)

นอกจากนี้เค้าจะพาเราไปซื้อของ เพื่อบริจาคแก่เด็กกำพร้าเวียดนามด้วย ซึ่งมันแลดูบังคับกันมากๆ ร้านค้าลอยน้ำก็ขายของแพง น้ำแพ็คละ $5 มาม่าลังละ $20 ข้าวสารกระสอบละ $60 เราก็ซื้อมาม่าไปลังนึงค่ะ แต่ในใจไม่อยากให้เลย ไม่ได้งกนะ แต่มันถูกบังคับ

เค้าพาเราไปดูโรงเรียนของเด็กกำพร้า คือ พอเราเข้าไป เด็กๆ ก็ต้องโบกมือ “ฮายยย” เป็นเครื่องจักรยังไงยังงั้นเลย ตอนเราไปถึงเด็กกำลังกินข้าวอยู่ แต่เรามานึกดู.. แล้วถ้าเด็กกำลังเรียนอยู่ล่ะ? ก็ต้องหยุดเรียน มาให้นักท่องเที่ยวดู รับมอบของ? แบบนี้เหรอ?

(โรงเรียนของเด็กกำพร้าเวียดนาม)

ไกด์เราเค้าค่อนข้างดีค่ะ ให้เราลองขับเรือเล่นด้วย ตอนจบก็เลยทิปไป $10 คือเอาจริงๆ เราก็ไม่รู้เรทการทิปของที่นี่อะ

พนมบาแค็ง: ออกจากโตนเลสาป ก็ไปแวะทานข้าวที่ร้านนึงที่คนขับพาไป(สองคน $14.5) แล้วก็ไปซื้อตั๋วสำหรับเยี่ยมชมปราสาท โดยต้องรอตอนประมาณ 16:45 เค้าถึงจะเปิดให้ซื้อตั๋วของวันพรุ่งนี้ ตั๋ว 1 วัน ราคา $20 โดยจะต้องถ่ายรูปติดไว้กับบัตรด้วย ไม่ให้คนอื่นใช้

(Cambodia Fried Rice = ข้าวผัดกุนเชียง)

ระหว่างรอ เราก็เดินคุยกะฝรั่งแถวนั้น ที่นั่งตุ๊กๆ เค้าก็บอกว่า ประมาณ $15 ต่อวัน สำหรับให้ตุ๊กๆ พาเที่ยวค่ะ (ในใจก็ยิ่งโกรธพี่ชัย คนขับแท็กซี่มากๆ ที่หลอกเรา)

พอซื้อตั๋วเรียบร้อย ก็บึ่่งไปที่พนมบาแค็งค่ะ ทุกคนต่างมุ่งหน้าไปที่นี่ เพราะที่นี่เป็นจุดไฮไลท์ของพระอาทิตย์ตก

พนมบาแค็งเป็นปราสาทที่อยู่บนเขาสูงมากๆ ต้องเดินขึ้นไปอย่างไกล และเดินแบบสปีดด้วย เพราะเค้าจำกัดปริมาณนักท่องเที่ยวบนพนมบาแค็งแค่ 300 คนเท่านั้น (ตรงบันไดขึ้นปราสาท มีคนนั่งนับ headcount ด้วย)

ระหว่างเดินขึ้นไป ก็มีคนเดินสวนลงมาเรื่อยๆ ไอเราก็สงสัยว่าทำไมเค้ารีบเดินลงมาจัง หรือว่าเมื่อวานเขามาดูกันแล้ว หรือว่าเขาไม่รู้ว่าที่นี่เป็นไฮไลท์

ขึ้นไปจนถึงจุดสูงสุดก็ถึงบางอ้อค่ะ เมฆทั่วท้องฟ้าเชียว ยังไงก็คงมองไม่เห็นพระอาทิตย์ตกแน่ๆ เราก็เดินถ่ายรูปไปเรื่อยๆ นั่งรออย่างมีความหวังพร้อมนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ จนใกล้จะมืดแล้ว เราเลยตัดสินใจเดินลงดีกว่า ก่อนที่พระอาทิตย์จะตกจนมืดสนิท

(มองเห็นวิวได้กว้างไกล ชื่นใจมากๆ ^^)

(ยอดพนมบาแค็ง)

(นักท่องเที่ยวต่างรอคอยอย่างมีความหวัง)

ถ้าใครมีโอกาสได้ไปในช่วงหน้าร้อน ให้พกไฟฉายไปด้วย สำหรับตอนเดินลงนะคะ (หรือใช้แอพในมือถือก็ได้ ^^)

โรงแรม

จบจากพนมบาแค็ง เราก็กลับโรงแรม และเซย์กู๊ดบายแก่พี่ชัย คนขับรถแท็กซี่ค่ะ โชคดีที่คุณแฟนเป็นคนใจแข็ง เลยจ่ายเงินไปแค่ 1500 สำหรับวันนี้เพียงวันเดียวเท่านั้น เจรจากันอยู่นาน สุดท้ายเราเป็นฝ่ายชนะ โดยพี่ชัยให้ใบเสร็จมาตั้งแต่ตอนเที่ยงแล้ว เขียนว่า 2700 และมีเบอร์ติดต่อด้วย

โรงแรมเราเค้ารับติดต่อทัวร์ ติดต่อแท็กซี่ ฯลฯ ให้ด้วย เลยถามเขาว่า แท็กซี่ ไปปอยเปต เท่าไหร่ เขาก็โทรถาม แล้วให้ราคามาที่ $35 เราคิดว่า ขนาดเรทโรงแรม(น่าจะแพงกว่าปกติ) ยังถูกกว่าที่พี่ชัยเขาคิดเราเลย ฮึ่มมม

โรงแรมที่เราพักชื่อ Mekong Angkor Palace นะคะ อยู่ Sivatha Road เราจองผ่าน Agoda และเลือกที่นี่จากรีวิวคือ ใกล้ night market มากๆ เดินไปได้

เราจ่ายเงินไปในราคาเบ็ดเสร็จสองคืน 1,835.81 บาท รวมอาหารเช้า ห้องค่อนข้างกว้างเตียงนุ่มสบาย มีทีวีช่องทรูให้ด้วยค่ะ ห้องน้ำเก่ากรังนิดนึง แต่ไม่แย่ มีอ่างอาบน้ำ แต่ไม่กล้าอาบค่ะ

ผ้าเช็ดตัวมีให้สองผืน เก่าๆ แข็งๆ ไม่มีผืนเล็กให้ ส่วนสบู่มีให้ 2 ก้อน แชมพู 2 ขวด ชุด Dental Kit 2 ชุด หวี 2 อัน ก็พอโอเคนะคะ ห้องเราอยู่ชั้นสอง ห้อง 234 ระเบียงอยู่เหนือสระว่ายน้ำพอดีเลย ที่ระเบียงมีเก้าอี้ไม้เอนสองตัว พร้อมโต๊ะและที่เขี่ยบุหรี่ด้วยค่ะ บรรยากาศชิลดีนะ

โรงแรมนี้มี Wi-fi ฟรีถึงห้องพักของคุณ แต่ห่วยมากๆ ขอบอกเลยว่าห่วยมาก ช้ายิ่งกว่าเน็ต 56k ต้องลงไปเล่นเน็ตที่คอมของโรงแรม ซึ่งมีเพียง 3 ตัวเท่านั้น – -”

Night Life

ขึ้นห้องมารีบอาบน้ำก่อนเลย เพราะเหนียวเหนอะหนะมากมาย นอนพักไปประมาณ 1 ชั่วโมง คุณแฟนหลับกรนคร่อกๆ แต่เรายังพยายามปลุกปล้ำกับ wi-fi ของโรงแรมอยู่ จนสองทุ่มนั่นแหละ ก็เลยชวนกันลงไปเดิน Night Market

จากโรงแรมเดินไปทาง night market ใช้เวลาแค่ 5-10 นาทีเท่านั้นค่ะ

หลังจากนั่งแท็กซี่มาตลอด ออกมาสัมผัสอากาศธรรมชาติของที่นี่บ้าง…. ประจักษ์เลยค่ะ อากาศที่นี่(ในตัวเมือง) แย่มาก ถึงมากที่สุด มลพิษสุดๆ จริงๆ แนะนำให้เอา mask แบบกรองฝุ่นไปด้วย

คนที่นี่เขาขับมอเตอร์ไซค์กันเยอะมาก ตุ๊กๆ(มอเตอร์ไซค์พ่วงที่นั่งด้านท้าย)ก็เยอะ รถเก๋งก็เยอะ ซึ่งรถที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ส่วนใหญ่เป็นมือสอง สาม สี่ … แน่นอนล่ะค่ะ อัตราการเผาไหม้ก็คงจะ…ไม่สมบูรณ์เอาเสียเลย ถึงได้เป็นเมืองควันพิษ+ฝุ่น ขนาดนี้

(walking to the Night Market)

ตัวเราเอง นี่เมาควันท่อไอเสียเลยค่ะ เวียนหัว ต้องเอาทิชชู่เปียกปิดจมูกตลอดเวลาที่เดินจากโรงแรมไป night market

Night Market นี่ให้อารมณ์สวนลุมไนท์ฯ มากๆ มีของพื้นเมือง ผ้า เครื่องเงิน ไม้แกะสลักรูปช้าง ฯลฯ มาขายน่ะ แบบนั้นเลยน่ะ เพราะฉะนั้น เราก็เดินผ่านเลยน่ะ น่ะ น่ะ

พุ่งเป้าไปที่ Pub Street โอ้วววว ที่นี่แหละ เหมาะสำหรับชั้นจริงๆ มันคือ ถนนข้าวสารแห่งเมืองเสียมเรียบ ไม่ต้องมีคำบรรยายใดๆ และร้านส่วนใหญ่มี Free Wi-fi ด้วยน่อ

(ถนนข้าวสารชัดๆ)

เดินครบรอบหนึ่ง ตัดสินใจนั่งที่ร้าน Pub Street Food House มีทั้งอาหารฝรั่งและอาหารขะแมร์ รสชาติใช้ได้ Angkor Draft Beer แก้ว(เล็ก)ละ $0.5 เท่านั้น Wi-fi ก็แรงเท่าที่บ้านเลย ร้านนี้ให้ผ่านเลยค่า แนะนำๆ ^^ แต่ถ้าเป็นคนไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ ให้นั่งในตัวร้านนะ มันจะอบอ้าวนิดนึง แต่ไม่มีกลิ่นบุหรี่ ถ้านั่งระเบียงด้านหน้าร้าน(ติดถนน) จะเป็น Smoking zone แต่อากาศจะโฟลวกว่า เย็นกว่า สรุปคืนนั้น สองคน จ่ายไปที่ $14 เท่านั้นค่ะ ^^

(เบียร์เย็นๆ ชื่นใจสุดๆ)

(Cambodian Curry รสเหมือนมัสมั่นผสมน้ำสะเต๊ะ หวานๆ ผักเยอะสะใจมาก)

(Cambodian Chicken Steak ออกมาเป็นไก่ย่างบ้านเราเลยค่าา อิอิ)

เที่ยววันที่สอง: ใช้บริการ Day Tour 

ตอนแรก เรากะจะเที่ยวแบบ Budget แต่เพียงแค่ 1 วันก่อนออกเดินทาง เราคิดใหม่ว่า เราขี้เกียจอ่านหนังสือ ข้อมูล ประวัติศาสตร์ของเค้า อยากฟังเรื่องเล่าเอามากกว่า เลยคิดว่าจะต้องจ้างไกด์สำหรับการเที่ยววันที่สอง

search ไปมาด้วยภาษาอังกฤษ ก็มีไกด์ recommended ชื่อ Bunleat เค้าเป็นหัวหน้าทีมงาน เราก็ติดต่อเขาผ่าน e-mail ไป โดยเราให้โปรแกรมเขาไปว่า เราจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่นครวัด สำรวจนครวัด นครทม ปราสาทตาพรม ปราสาทบายน เขาก็เสนอราคามาที่สองคน $70 ซึ่งก็เป็นเรทที่เขาเขียนในเว็บสำหรับสองคน จะคิดคนละ $35 เราก็โอเคตามนั้น

จริงๆ ตอนแรกเราติดต่อไกด์ภาษาไทยไปด้วย ชื่อคุณวุฒิ แต่เขาตอบอีเมล์ช้า ก็เลยดีลไปกับทาง Bunleat ก่อน ไม่รู้ว่าราคาของคุณวุฒิเท่าไหร่

นัดเจอไกด์ที่โรงแรมตอนตีห้า คุณไกด์ชื่อ Votha พูดภาษาอังกฤษเก่งมาก เขาขับรถ Camry พาเราไปที่นครวัด วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เมฆเยอะ มองไม่เห็นพระอาทิตย์เท่าไหร่ แต่ก็สวยมากๆ เพราะแสงมันส่องมาจากทางหลังปราสาทพอดีค่ะ

(ถึงแม้ว่าจะไม่ 100% แต่ก็สวยมากๆ โปรดสังเกตเงาสะท้อนในสระน้ำ)

Votha บอกว่า วันที่ดูพระอาทิตย์ขึ้นสวยที่สุด คือวันที่ 23 มี.ค. ไปเรื่อยๆ จนถึงปลายเดือน ก.ย. ค่ะ

เสร็จแล้วก็ทานข้าวเช้าที่ร้านใกล้ๆ กับนครวัด สองคน $10 โดยเราทาน ABF ในชุดจะมี ชา/กาแฟ ด้วย แต่ตอนคิดเงิน เขาคิดค่าชาเพิ่มมาด้วย โชคดีที่เราตาไว ระวังกันนิดนึงนะคะ

(American Breakfast มีกล้วยกับสับปะรดมาให้ด้วยล่ะ)

**ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ที่เขียนทั้งหมดนี้ มาจากที่ฟังไกด์เล่าทั้งหมด ไม่ได้ recheck นะคะ**

ทานข้าวเสร็จ ก็สำรวจนครวัดต่อ กว้าง มาก มาก เลย ตัวโบสถ์เก่าแก่ แต่ก็เป็นศิลปะโบราณที่ซ้วยสวย พูดไม่ถูก ต้องมาดูเองค่ะ

ด้านในสุดของนครวัด เป็นโบสถ์สูง ต้องขึ้นบันไดไปถึง 45 ขั้น (นับตอนลง เพราะตอนลงน่ากลัวกว่าตอนขึ้น) บันไดชันมากๆ แต่ขึ้นไปจะได้เห็นวิวสวยๆ บรรยากาศดีๆ ค่ะ

(มันสูงและชันจริงๆ เถอะให้ตาย)

รายละเอียดต่างๆ ภายในนครวัด เป็นรูปแกะสลักนูนต่ำบ้างนูนสูงบ้าง เล่าเรื่องราวต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องในตำนานของศาสนาพุทธ ไม่ว่าจะเป็นการสู้รบกันระหว่างเทวดากับยักษ์ เรื่องนาค เรื่องพระศิวะ ฯลฯ ต้องให้ไกด์เล่าให้ฟังล่ะ

(สิงโตหางหาย เพราะหางทำจากโลหะ ก็เลยหักหล่นหายไป
แต่ถ้าเป็นสิงโตที่ปราสาทอื่นๆ จะเห็นว่ายังมีหางอยู่ค่ะ)

(ภาพเล่าถึงการสร้างกล้ามเนื้อ Body Building)

(ยอดด้านในสุด สูงสุด ของนครวัด)

จบจากนครวัดเราไปต่อกันที่ Banteay Kdei และ Banteay Srei (อ่านว่า บันที สะรี) ซึ่งเป็นปราสาทหินสีชมพู อายุ 1100 ปี (สร้างก่อนนครวัด) แต่ดีเทลงานยังละเอียดเป๊ะมาก

(หินทรายสีชมพู งานแกะสลักละเอียดมาก แม้ผ่านไป 1100 ปี)

Banteay Srei ไม่ได้อยู่ในโปรแกรมที่ตกลงกันไว้ตอนแรก และระยะทางค่อนข้างไกล Votha ก็ถามว่าจะไปไหม แนะนำให้ไป ถ้าอยากไปจ่ายแค่ค่าน้ำมันก็พอ ประมาณ $15 เราก็เลยตกลงไปค่ะ ก็รู้สึกคุ้มที่มานะ ไหนๆ มาทั้งที (จะเห็นว่ารายจ่ายงอกขึ้นเรื่อยๆ)

จากนั้นแวะทานข้าวเที่ยงค่ะ สองคน $14 เหมือนเดิม เราบอกเลยว่า อาหารที่กัมพูชานี้ ช้ามาก รอประมาณครึ่งชั่วโมงทุกครั้ง เกือบทุกร้าน และยิ่งกว่านั้นคือ “เย็น” ไม่ร้อนเอาเสียเลย ไม่รู้เขาทำอะไรของเขา

(กุ้งกระเทียมพริกไทยร้านนี้อร่อยมาก ถึงแม้จะไม่ค่อยร้อน)

ทานเสร็จไปนครธม บายน ตาพรหม Elelphant Terrace ประมาณนี้มั้ง คือ ดีเทลมันเยอะมากอะ จำไม่ได้ แต่แต่ละที่นี่ stunning สุดๆ จ้า

เช่น บายน เป็นส่วนที่มี หน้า เยอะมาก คือ หนึ่งยอด จะมีเสาสี่ทิศ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเดินส่วนไหนของปราสาท จะรู้สึกว่ามีคนมองอยู่เสมอ มีทั้งหมด 49 ยอด x 4 หน้า = 196 หน้า แน่ะ

ส่วนปราสาทตาพรหมนั้น เป็นโลเคชั่นที่คุ้นตามาก เพราะนั่นคือ Lara Croft ของเรานั่นเอง กรี๊ดๆ >w< ในที่สุดก็ได้มาเยือน เป็นปราสาทที่มีต้นไม้ปกคลุมมากมาย และเค้าต้องทำการบูรณะกันอย่างหนักหน่วง

สาเหตุเกิดจาก ปราสาทไม่มีคนอยู่ ก็ชื้น เลยมีมอสขึ้นปกคลุม เพราะเป็นปราสาทหิน ทีนี้นกบินผ่านไปมาก็ขี้ใส่บนมอส ด้วยความชื้น ต้นไม้ก็โต โตขึ้นเรื่อยๆ รากก็เริ่มใหญ่ขึ้น ชอนไชไปตามร่องหิน หาอาหารจากดิน เพราะฉะนั้นต้นไม้ที่นี่ จะโตจากด้านบนของปราสาทค่ะ เราจะเห็นรากใหญ่มากกกก

ทั้งหมดนี้ควรจะจบลงได้แล้ว แต่ Votha เค้าแถมให้ ถามว่าเราอยากไปศูนย์ศิลปาชีพมั้ย (Artisans) คือเค้าบอกว่า พวกผ้าคลุมไหล่ ฯลฯ ที่เด็กมาเดินขาย ส่วนใหญ่พวกนี้ทำมาจากจีน ถ้าอยากดูของจริงต้องไปดูที่นี่

ที่นี่เค้าทำดีมากเลยค่ะ มีไกด์พาเดินชม อธิบายวิธีการทำงานศิลป์แต่ละอย่าง แต่ละขั้นตอน มีทั้งรูปแกะสลักไม้ หรือการแกะสลักเงิน ฯลฯ ส่วนผลิตภัณฑ์ที่เค้าขายนั้น มีการพัฒนาต่อยอดให้น่าซื้อค่ะ ไม่ใช่ของเบสิคบ้านๆ ธรรมดา

เสร็จทัวร์ก็บอกลา Votha เบ็ดเสร็จค่าทัวร์ $70 +ค่าน้ำมันไปบันทีสะรี $15 +ทิปอีก $15 ก็ให้เขาไป $100 ตามนั้น T^T

Local life

เย็นวันที่สองนี้ก็เหนื่อยมากเช่นกัน ตอนแรกกะว่าจะแฮงค์เอาท์ให้เต็มที่ กินเบียร์ให้สุดไปเลย (แก้วละ 15 บาทเองนี่นา) แต่ปรากฏว่า “เหนื่อย ร่าง แหลก”

อาบน้ำพักผ่อนสักครู่ ก็ออกไปทานข้าวเย็น ร้านใกล้ๆ โรงแรม เป็นร้านบ้านๆ เราสั่งผัดกะเพราไก่ไข่ดาว กับ Lok Lak แล้วก็ไข่เจียวพร้อมผักสดที่ไม่สด หน้าตาเป็นอย่างในรูป

Lok Lak นี่รสชาติเห่ยมาก เปรี้ยวๆ ประหลาดๆ อะ แต่บางคนอาจจะชอบก็ได้ ส่วนกะเพรานี่อร่อยแรง

จากนั้นก็ไปเดินฝั่ง Old Market พบเจอรถเข็นร้านข้าวโพด ที่นี่ไม่ใช่ข้าวโพดคลุกเนยธรรมดา เพราะเค้าใส่กุ้งแห้งลงไปด้วย อร่อยมากมาย ราคากล่องละ 2000 riels เท่านั้น

สุด Old Market จะเป็นแม่น้ำ มีสะพานข้ามแม่น้ำ นั่งชิล ลมเย็นมากมาย บรรยากาศดีค่ะ ข้ามสะพานไปจะเป็น Art Market ค่ะ มีร้านของฝาก และร้านเบียร์นั่งชิลเช่นกัน คนน้อย เหมาะสำหรับเดินเล่นผ่อนคลาย

นั่งตากลมเย็นๆ สักพักนึง รู้สึกเหมือนจะหลับ สุดท้ายวันที่สองเลยไม่ได้กินเบียร์ แต่กลับโรงแรมนอนแทน

ระหว่างเดินกลับ เจอร้านเอเจนท์ทัวร์ค่ะ เลยเข้าไปถามว่า แท็กซี่กลับปอยเปต คิดเท่าไหร่ เค้าตอบว่า…

“$25”

เราช็อค… แอร๊ยยยย นี่ชั้นจะต้องโดนฟันแล้วฟันอีกกี่ต่อเนี่ย

ก็เลยถามเค้าเพื่อคอนเฟิร์มอีกทีว่า นี่คือทั้งหมดแล้ว ไม่ต้องจ่ายเพิ่มแล้วใช่ไหม สรุปว่า ใช่ค่ะ ก็เลยจ่ายเงินโดยไม่รีรอ

** นอกจากนี้ยังสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมมาอีกว่า ถ้าจ้างไกด์อย่างเดียว ราคา $25 ต่อหนึ่งวัน ไม่รวมค่าพาหนะ หมายความว่า ถ้าเราตกลงกับตุ๊กๆ ได้ในราคา $15 แล้วเราจ้างไกด์ด้วย เราก็จะจ่าย $40 ต่อวันค่ะ แต่ไม่ทราบว่าเรท $25 นี้ เฉพาะไกด์จากเอเจนท์นี้เท่านั้นหรือเปล่านะคะ**

ป.ล. ออกจากโรงแรม เดินไปทางซ้าย จะมี Angkor Mart เป็นมินิมาร์ทที่ใหญ่มาก มีของทุกอย่างบนโลกใบนี้ มีแผ่นมาส์คหน้าของโอเรียนทอลปริ๊นเซส!? เหล้า วอดก้า ชาไทย ชาจีน ของยี่ห้อไทย ยี่ห้อฝรั่ง ชีสของเยอรมัน ฮาริโบ ฯลฯ มีทุกอย่างจริงๆ ขาดเหลืออะไรให้มาซื้อที่นี่ และเหล้าราคาถูกมาก ขอบอก เราลืมเอาโฟมล้างหน้ามา ไปแวะซื้อที่ร้านขายยาวันแรก แพงกว่าในอังกอร์มาร์ทตั้งเกือบสองดอลลาร์แน่ะ T^T

วันที่สาม: พักผ่อน

ตื่นมาเจ็ดแปดโมง ได้ทานอาหารเช้าที่โรงแรม เสร็จแล้วก็ไปเดินเล่นฝั่ง Night market เหมือนเดิม แต่เป้าหมายวันนี้ คือร้านกาแฟชื่อ The Blue Pumpkin ค่ะ เป็นร้านแอร์ มี free wi-fi กาแฟ ไอติม ขนมปัง อาห์… รู้สึกได้พักผ่อนเต็มที่หน่อย ร้านที่นี่เปิดเช้าปิดดึกค่ะ ประมาณ 7 โมงก็เริ่มเปิดแล้ว

(เหมือนอยู่เมืองไทยเลยเนอะ)

(ถนนเส้นเดิม บรรยากาศตอนกลางวัน ร้อน+ฝุ่น มากๆ)

(ระหว่างเดินกลับโรงแรม เจองานแต่งงาน ชมพู้วว ชมพู)

ทานโกโก้อร่อยๆ ร้อนๆ แล้วก็กลับโรงแรมมาว่ายน้ำ ^^ สระว่ายน้ำที่นี่เล็กๆ ไม่มีคนว่าย แต่ที่แย่คือ รั้วรอบโรงแรมมันต่ำมาก ข้างๆ โรงแรม เค้ากำลังสร้างอีกโรงแรมนึงอยู่ ก็เท่ากับว่าเราใส่ชุดว่ายน้ำมาโชว์คนงานก่อสร้างอะ – -” รมณ์เสีย

เที่ยงวันอาบน้ำเก็บของเช็คเอาท์เรียบร้อย นัดแท็กซี่ไว้บ่ายโมง มีเวลาชั่วโมงนึง เลยถามรีเซปชั่นว่ามีร้านอาหารไหนแนะนำมั้ย เค้าก็แนะนำร้าน Kitchen Angkor Chey ซึ่งอยู่ด้านหลังธนาคาร Cambodia Commercial Bank (เป็นแบงก์สีม่วง สัญลักษณ์เดียวกับ SCB ไม่รู้มีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร)

ร้านนี้บรรยากาศดีค่ะ อยู่ด้านในไม่ติดถนน ราคาอาหารค่อนข้างแพง จานละ $7-8 ขึ้นไป เราสั่งกุ้งกระเทียม รออยู่ครึ่งชั่วโมงกว่าเขาจะเอามาเสิร์ฟ ไม่อร่อย แถมไม่ร้อนอีกต่างหาก ไม่เข้าใจจริงๆ มื้อนี้สองคน โดนไป $20 เฮลโลวววว

ปอยเปต

คนขับแท็กซี่คนนี้น่ารัก ขับเร็ว แซงทุกคัน ปกติแล้วที่นี่เหมือนมีกฎหมายกำหนดเรื่องความเร็วน่ะค่ะ แต่เพราะพี่คนนี้เลยถึงปอยเปตเร็ว ถึงตอนประมาณบ่ายสามโมง

แต่ที่เลวร้ายคือ.. ฝนตก

นึกสภาพได้เลยค่ะ เละเทะ มาก

ผ่าน ต.ม. เขมร แวะมาหลบฝนในบ่อนเดิม เข้าห้องน้ำเดิม แล้วก็ลุยฝนต่อ ไป ต.ม. ไทย

ให้เลือกเข้าช่องซ้ายสุดนะคะ พาสปอร์ตไทย ฉิวมาก

เข้ามาเขตโรงเกลือ แล้วก็จะพบผู้คนมากมาย มาถามเราว่า แท็กซี่? ทูแบงคอค? เพราะเรา backpack เลยดูเหมือนนักท่องเที่ยวชาวเอเชียมากกว่าคนไทยน่ะค่ะ

เป้าหมายเราคือ ขึ้นรถอะไรก็ได้กลับกรุงเทพ ในใจคิดว่าน่าจะมีเยอะอยู่แล้ว

เจอคิวรถไปแปดริ้ว เลยเข้าไปถามว่ามีกรุงเทพมั้ย

เค้าบอกว่า ต้องไปต่อรถตู้นะ ลงแปดริ้วก่อน แล้วต่อรถตู้เข้ากรุงเทพ

เราฟังแล้วมันทะแม่งๆ แถมหลายต่อ ราคารถบัส 140 รถตู้อีก 60

เราเลยบอกคุณแฟนว่า เหมือนเห็นคิวรถตู้ตรงไปกรุงเทพเลย ลองไปดูก่อนมั้ย

พี่คนนั้นรีบบอกเลย โน โน ไม่มีหรอก

ในใจเรานี่แบบ… จะหลอกกูกันตลอดเลยใช่มั้ย มันจะไม่มีได้ไงฟะ

ก็เลยตัดสินใจโทรหาพี่ประจำรถบ่อน พี่เค้าก็ชี้ทางสว่างให้เราค่ะ

รถบ่อน จะจอดอยู่ในที่รับฝากรถ หลังธนาคารไทยพาณิชย์ เดินตรงเข้า เลยห้องน้ำ แล้วเดินไปทางซ้าย จะเห็นรถบัสจอดอยู่หลายคัน เป็นของบ่อนค่ะ

ขากลับ คนละ 100 บาท แต่ถ้าเป็นคนที่มาตอนเช้าวันนั้น ขากลับ กลับฟรี นะจ๊ะ

รถออกตอน 4 โมงเย็น แต่รถติดมากกกก มากกกก กว่าจะถึงบางนาก็สองทุ่มแน่ะ T^T

สรุปสุดท้าย

เรทแลกเงินที่ไปถามร้านใน Night Market มานะคะ

ณ วันที่ 17/11/2012

1USD = 3800 Riels

แต่ร้านค้าต่างๆ จะคิดเรา 4000 Riels = 1USD

เพราะฉะนั้น ห้ามแลกเป็นเงินเรียลเด็ดขาด ขาดทุนกระจุยจ้า

ของเราเบ็ดเสร็จ สองคนประมาณ 14,500 บาท รวมโรงแรมรวมทุกอย่าง ช็อปปิ้งนิดหน่อย ของเรามันไปแพงที่ค่ารถน่ะค่ะ เลยตั้งชื่อตอนว่า “เที่ยวกินอยู่ อย่างราชา” วะ ฮะ ฮ่า ถ้าลดค่าโรงแรมกับค่ารถไปได้ น่าจะตกอยู่ที่ 4,500 ต่อคน

เที่ยวเองที่นี่ไม่น่ากลัวนะคะ ระวังโดนหลอกนิดหน่อยเท่านั้นเอง แหะ แหะ แต่ถ้าได้อ่านข้อมูลจากเราไปก็น่าจะปึ้กพอสมควรแล้วนะ มั่นใจว่าคราวหน้าถ้าไปอีก สบายแน่นอน

มองในแง่ดี นั่งแท็กซี่สองวัน ก็ไม่ต้องสูดฝุ่นเข้าไปมากเท่าไหร่ เพราะวันแรกแค่เดินจากโรงแรมไปไนท์มาร์เก็ตเราก็เวียนหัวเมาควันแล้ว ถ้าเวียนหัวตอนกลางวัน+แดดร้อนๆ นี่คงแย่เลยอะ

คุ้มค่า คุ้มเวลา ที่จะไปค่ะ ^^

อ้อ.. ที่นี่เค้า cover เพลงกันเก่งมากเลยนะ มีโอกาสได้ดู MV Poker Face (Khmer version) ด้วยล่ะ